“จตุพร” ชี้ รัฐบาลปลุกม็อบเอง ขุด MOU44 เจรจากัมพูชา
ไม่มีใครปลุกม็อบล้มคุณหรอก คุณนะปลุกม็อบขึ้นมาเอง
(5 พ.ย.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงรัฐบาลปลุกปั่นโยง MOU 44 และการเจรจาผลประโยชน์แหล่งพลังงานกับกัมพูชา เพราะต้องการล้มรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร
“ไม่มีใครปลุกม็อบล้มคุณหรอก คุณนะปลุกม็อบขึ้นมาเอง แต่ที่สำคัญคือ วันนี้ มันจะเร่งเจรจาหาอะไรกัน ขณะที่คุณใช้เวลา 2 สัปดาห์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเจรจา แล้วไม่คิดจะเจรจาสัมปทานกับเชฟรอนบ้างเลยเหรอ อะไรไปอุดปากอยู่”
อีกทั้งกล่าวว่า การพูดถึงปัญหาเกาะกูดและยอมรับว่าเป็นของไทยนั้น เพราะเป็นผลมาจากการแสดงวิสัยทัศน์ไทยแลนด์วิชั่น 2024 เมื่อ 22 ส.ค. 2567 ของทักษิณ ชินวัตร ได้เสนอมุมมองถึง 14 ประเด็น แล้วถูกบรรจุไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งถึง 11 ประเด็น ซึ่งการเจรจาผลประโยชน์แหล่งพลังงานทับซ้อนใต้ทะเลกับกัมพูชาก็เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนด้วย
อย่างไรก็ตาม ทุกวาระนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ล้วนไม่ได้เป็นวาระแห่งชาติ แต่เป็นวาระเร่งด่วนของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือส่อไปในทางทุจริตเชิงนโยบาย โดยไม่สนใจจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร
“วันนี้รัฐบาลอย่างมาอวดรู้อธิบายเกาะกูดเป็นของไทย ซึ่งคนไทยไม่บ้าก็รู้ดีว่าเกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งแต่ลงนามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคมอินโดจีน ส่วนการอธิบายย้ำกันต่อเนื่องเพื่อเตือนสติอย่าได้ชะล่าใจเหมือนการเสียปราสาทพระวิหารที่รัฐบาลบอกมาตลอดตั้งแต่สมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยืนยันว่าเป็นของไทย แต่กลับแพ้คดีในศาลโลก แล้วตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชาไปแล้วในปี 2505
“การเรียกร้องในปัญหาเกาะกูดเพื่อต้องการให้ตกลงเรื่องเขตแดนให้จบเสียก่อน เพราะเขตแดนไทยกับกัมพูชาขีดเส้นอาณาเขตไม่เหมือนกัน ถ้าจะไปตกลงผลประโยชน์ก่อนจะเกี่ยวพันมาลุกล้ำเรื่องดินแดนได้ ดังนั้นถ้าเจรจาในเรื่องดินแดนไม่จบ ต้องไม่ตกลงในเรื่องผลประโยชน์แหล่งพลังงาน”
อีกทั้งกระตุ้นรัฐบาลว่า ทำไมไม่นำสัญญาสัมปทานพลังงานให้เชฟรอนมาเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ สิ่งสำคัญต้องยกเลิกสัญญาที่ไทยไม่ได้ประโยชน์นี้ไปด้วยเพราะล้าสมัย อีกอย่างผลประโยชน์และภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงไป เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ดังนั้น สัญญาสัมปทานพลังงานให้เชฟรอนจะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จนไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนได้
นายจตุพร กล่าวว่า การเอาพลังงานขึ้นมาก่อนยุติปัญหาดินแดน แล้วผลประโยชน์ขาติอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้นักการเมืองรู้ถึงผลประโยชน์นอกงบประมาณกันทั้งนั้น บรรดาเสือหิวทั้งหลายที่จ้องงับผลประโยชน์ชาติ โดยไม่คิดว่าชาติจะไปสุ่มเสี่ยงอะไร อีกอย่างคนไทยแทบไม่ได้อะไรเลย แต่ได้แค่ภาคหลวงจากแหล่งพลังงานทับซ้อน
อีกทั้งกล่าวว่า สิ่งสำคัญเราไม่ต้องการเอาเปรียบกัมพูชา ขณะเดียวกันเราก็ไม่ต้องการเสียเปรียบด้วย เราอยากให้ได้ผลประโยชน์เสมอเท่าเทียมกัน จึงต้องพิสูจน์เขตแดนเป็นของใครให้ชัดเจนก่อน ส่วนเขตแดนทับซ้อน ยุติไม่ได้ก็หยุดไว้ก่อน ไม่ควรรีบเร่งตกลงกัน อีกอย่างเมื่อถูกทักท้วงก็บอกจะล้มรัฐบาล แต่สิ่งที่คุณทำนั้น เป็นการล้มตัวเองทั้งสิ้น
“เรื่องล้มรัฐบาลมีเรื่องอื่นอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเกาะกูดและการเจรจาหาประโยชน์แหล่งพลังงานกับกัมพูชา เพราะเรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ส่อแววเป็นผลประโยชน์เชิงนโยบาย และสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนในอนาคต“