‘แรมโบ้’ รอ กกต.เคาะจดจัดตั้งพรรคเทิดไท ลั่นสู้ทุกกติกา
‘แรมโบ้’ เสกสกล เผย รอกกต.เคาะจดจัดตั้งพรรคเทิดไท ลั่นสู้ตามกติกาทุกรูปแบบ อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ
วันที่ 11 ส.ค. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการก่อตั้งพรรคเทิดไท ว่าทางกลุ่มสมาชิกอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง นำโดยตนมอบทีมงานนายอานนท์ แสนน่าน ได้ไปยื่นขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แล้ว ต้องรอให้ทางกกต.รับจดจัดตั้ง พรรคเทิดไทยถึงจะเริ่มกระบวนการต่างๆตามกฎหมายได้ เช่น การเลือกกรรมการบริหารเป็นต้น แต่ระหว่างนี้กลุ่มผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรค ก็ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการจัดการสมาชิกพรรค ตลอดจนเตรียมวางสาขาพรรคตามภาคต่างๆ
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามพรรคเทิดไท มีทุนเดิมอยู่แล้วจากหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้งประเทศไทย 28,850 หมู่บ้าน ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน สมาชิกเก่า 5,000,000 กว่าคน ซึ่งคาดหวังว่าจะมาอยู่กับเราประมาณ 3,000,000 คน และเชื่อว่าน่ามีมาจากกลุ่มคนเสื้อเหลือง และกลุ่มคนรักสถาบัน อีกไม่น้อยเช่นกัน
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะออกมาสูตรไหน หารเท่าไหร่ พรรคเทิดไทแม้จะเป็นพรรคเกิดใหม่ ก็พร้อมจะลงสนามเลือกตั้ง สู้กันตามกติกาของกฎหมาย และเชื่อว่าการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะสโลแกนของพรรคเทิดไท คือ ชีวิตเพื่อชาติ หัวใจเพื่อประชาชน” ชัดเจนในความหมายอยู่แล้ว
นายเสกสกล กล่าวอีกว่ากราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชน และพี่น้องสื่อมวลชน ที่ให้ความสนใจนำเสนอข่าวของพรรคเทิดไท โดยเฉพาะ คุณเปลว สีเงิน คอลัมนิสต์อาวุโส ผู้ใหญ่ในวงการสื่อมวลชน ที่กรุณาเขียนถึงและให้กำลังใจพรรคเทิดไท
ว่าที่หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวด้วยว่า หลังตนประกาศก่อตั้งพรรคเทิดไท กระแสตอบรับดีเกินคาด ซึ่งแน่นอนกระแสค้าน รวมทั้งดูถูกด้อยค่าพรรคเทิดไทก็มีตามโซเชียล แต่ตนไม่สนใจยืนยันหนักแน่นที่จะเดินหน้าวางนโยบายเพื่อประชาชน และยึดมั่นอุดมการณ์ ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งแผ่นดิน ใครจะคิดมาทำลายล้มล้างต้องข้ามพรรคเทิดไทไปก่อน
นายเสกสกล กล่าวว่า คนที่โจมตีก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่มีใครหรือพรรคการเมืองไหนที่จะมีคนชื่นชอบไปเสียทั้งหมด มันมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา ซึ่งดีด้วยซ้ำจะทำให้พรรคเทิดไท ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเราตั้งใจทำงานให้บ้านให้เมืองเพื่อพี่น้องประชาชนไม่ได้เข้าไปเพื่อหวังกอบโกยผลโยชน์เข้าครอบครัวหรือตระกูลตัวเองโดยไม่ยึดผลประโยชน์ปากท้องพี่น้องประชาชนเหมือนผู้นำบางคนในอดีตที่โดนคดีโกงจนต้องหนีคดีออกนอกประเทศ