ก้าวไกล เตรียมฟ้อง ป.ป.ช. เอาผิด 5 รมต. หลังอภิปราย
ก้าวไกล จ่อยื่นฟ้อง ป.ป.ช. เอาผิด 5 รมต. หลังอภิปราย โรม ย้ำชัด หลักฐาน การค้ามนุษย์ ชัดเจน รัฐต้องแจงต่อ ประชาชน “อย่าใช้ความเงียบ กลบความจริง “
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2565 ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ,นพ. วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเตรียมยื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเเบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ปกติการอภิปรายทั่วไปของรัฐบาลตามมาตรา 152 นั้น หลักๆเเล้วคือซักถามข้อเท็จจริงเเละเสนอเเนะต่อรัฐบาล เเต่ในช่วงสถานการณ์เตรียมข้อมูลอภิปรายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลพบว่ามีหลักฐานที่สามารถเอาผิดรัฐบาลได้ อย่างกรณีของ นายรังสิมันต์ โรม ในประเด็นค้ามนุษย์ ที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการต่ออย่างเเน่นอน เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องทางการเมือง เเละต่อมาในประเด็นการระบาดของโรคอหิวาในสุกร ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อประชาชนเเละเศรษฐกิจของประเทศ เเละในประเด็นของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในด้านการเอี่ยวทุจริต และเอื้อผลประโยชน์ของบุคคลในครม. และประเด็นสุดท้าย คือ ประเด็นน้ำมันรั่วในทะเลภาคตะวันออก ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในระยะยาว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนได้อภิปรายการระบาดของ ASF หลักฐานที่มีอยู่สามารถยื่นเอาผิดต่อคณะกรรมการการป้องกันและปรายปรามการทุจริตเเห่งชาติ ( ปปช.) ได้ เนื่องจากมีการปกปิดข้อเท็จจริงต่อการทุจริต ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชน ประเด็นต่อมา เรื่องนี้จะต้องเข้าสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริงของกมธ.ปปช.สภาผู้เเทนราษฎร ด้วยอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องซักฟอกเเละซักถามอีกหลายประเด็น ประเด็นที่สาม การปกปิดข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีข้าราชการที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูง ซึ่งอาจจะต้องฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีการทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ซึ่งสุดท้ายความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลต่อ supply chain ทั้งหมด ในอุตสาหกรรมในสุกร มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท โดยพรรคจะรวบรวมภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อฟ้องร้องค่าเสียหายกรณีนี้ต่อไปด้วย
ด้าน นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนได้อภิปรายถึงการทุจริตของสถานีกลางบางซื่อ ถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเเละนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ได้ค้างชำระค่าก่อสร้างกับผู้รับเหมาเเละได้ยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรีให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอขยายวงเงินในการก่อสร้างเกือบ 3 ปี เเล้ว ซึ่งนายศักดิ์สยาม ยังไม่ได้ดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ ครม. จนมีการใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนกลาง และสุดท้ายผู้รับเหมาได้ฟ้องร้องจำนวน 7,200 ล้านบาท จากเอกสารคำฟ้องพบว่า ทางผู้รับเหมาคือบริษัท ชิโนไทย และยูนิค ได้ใช้ข้ออ้างว่ารัฐบาลนำสถานีกลางบางซื่อไปใช้ประโยชน์เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนแล้ว ถือว่าได้รับงานจากผู้รับเหมาเรียบร้อย และนำไปใช้งานแล้ว แต่กลับยังค้างจ่ายค่าก่อสร้าง จึงเรียกร้องค่าเสียหาย 7,200 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนายอนุทินเกี่ยวข้องกับบริษัทชิโนไทย ซึ่งเป็นผู้ฟ้องรัฐบาล ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่เราจะนำเรื่องนี้ยื่นต่อคณะกรรมการการป้องกัน ปราบปราม การทุจริตแห่งชาติต่อไป
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า จากกรณีการค้ามนุษย์ เเละการลี้ภัย ของพลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ที่ลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย เป็นประเด็นที่เราจะต้องติดตามในสังคมอย่างใกล้ชิด โดยมีทั้งหมด 3 ประเด็นหลัก
ประเด็นเเรก เราจะทลายขบวนการค้ามนุษย์ได้อย่างไร เเละประเด็นต่อมา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ที่เหลืออยู่ยังมีใครอีกบ้าง จากยะไข่ สู่สะเดา มีหน่วยงานรัฐที่ต้องรับผิดชอบหลายหน่วย เราต้องไม่ลืมว่ามีใครที่รู้เห็นต่อขบวนการนี้ กองทัพเรือภาค 3 ดูแลชายแดนบริเวณดังกล่าว แต่ทหารเรือกลับถูกดำเนินคดี แค่ 1 คนเท่านั้น ยังมีทหารเรืออีกจำนวนมากที่ตนเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือในประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูเเลเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราพบว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีน้อยมาก นี่ยังไม่นับถึงฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องกับหลายจังหวัด ซึ่งพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น่าจะรู้เห็นต่อกรณีนี้เป็นอย่างดี ความคืบหน้าตรงนี้ยังไม่มี
ประเด็นสุดท้าย ปัจจัยที่นำไปสู้การลี้ภัยของพลตำรวจตรี ปวีณ ทั้งกรณีการย้ายตำเเหน่งที่ให้ไปอยู่ที่ 3 จังหวัดชายเเดน เเละการบีบบังคับต่างๆที่ตามมา โดยเราจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมเเละสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้คณะกรรมาธิการได้เเสวงหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เเละให้รัฐบาลได้ชี้เเจงต่อสังคม เพราะจากวันศุกร์จนถึงวันนี้กว่า100 ชั่วโมงแล้ว ตนยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลเลย ไม่ว่าจะเป็นจากปากพลเอกอนุพงษ์ ที่จากการปรากฏต่อสื่อมวลชนหลังจากที่ตนอภิปรายมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ท้องเสีย ไม่ชี้เเจงเเละไม่ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนว่าเหตุใดใช้ ก.ตร. ในการย้ายพลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ทั้งๆที่พลตำรวจตรี ปวีณ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เเละมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้พลตำรวจตรี ปวีณ ต้องตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจ ที่เป็นอาชีพที่เขารัก และอีกหลายคนรวมถึงพลเอกประยุทธ์ , กองทัพเรือ ยังไม่ชี้เเจงต่อกรณีนี้อย่างชัดเจน เราอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้เเทนราษฎรที่มีหน้าที่ซักถามรัฐบาล สิ่งที่เราเห็น คือไม่ตอบอะไรเลย และหวังว่าความเงียบจะทำให้ทุกสิ่งที่เราทำถูกกลบหายไป ซึ่งพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ท่านไม่สามารถนำความเงียบ ความกลบฝัง ความจริงได้ต่อไป
“ ประเด็นการค้ามนุษย์ เป็นประเด็นเเหลมคมทางการเมืองสูงมาก ที่เกี่ยวข้องกับการลี้ภัยเเละลาออกของพลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ โดยพยานหลักฐานที่ดีที่สุด คือ พลตำรวจตรี ปวีณ ที่ลี้ภัยในออสเตรเลีย การที่เราให้มาชี้เเจงในกมธ.กฎหมาย จะเป็นช่องทางที่ดีที่สุด เพราะตั้งเเต่มีการอภิปรายเรื่องนี้ ยังไม่มีกมธ.ไหนในสภา ที่ติดตามเเละพร้อมทึ่จะตรวจสอบต่อ เพราะยังมีข้อกังขาต่อสังคมในหลายประเด็น ในกมธ.กฎหมาย เรายังมีผู้อาวุโส หลายคน หลายพรรคการเมือง เเละประเด็นการค้ามนุษย์ตนคิดว่า เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญ เพื่อนำไปสู่การยื่นหลักฐานฟ้องต่อคณะกรรมการการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป “ รังสิมันต์ กล่าว
ขณะที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง กล่าวถึงกรณีที่ตนได้อภิปรายนายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันในท้องทะเลภาคตะวันออก ปล่อยให้เกิดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในระยะยาว ในส่วนประเด็นนี้ ของตนเเละเบญจา ทีมงานพรรคก้าวไกล จะยื่นหลักฐานเอาผิดนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม ในฐานะผู้รับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเแห่งชาติต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลเตรียมจะยื่นฟ้องรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ชจำนวน 5 คน คือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าพร้อมยื่นฟ้องในสัปดาห์หน้า