“พิชัย” แนะ 5 เรื่องเร่งด่วน มองล่วงหน้าหลังโควิด
“พิชัย นริพทะพันธุ์” พรรคเพื่อไทย แนะ 5 เรื่องเร่งด่วน มองล่วงหน้าหลังโควิด ฟื้นเศรษฐกิจไทย
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “จากล็อกดาวน์ สู่น็อคดาวน์ ประเทศไทย” ที่พรรคเพื่อไทยว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจะอภิปรายในเร็วๆนี้นั้น พรรคเพื่อไทยจะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ในทุกด้าน พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศล็อกดาวน์มานานกว่า 1 เดือนแล้ว โดยไม่มีแผนงานในการแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างเป็นระบบชัดเจน ทำให้การระบาดกลับเพิ่มมากขึ้น คนเจ็บคนตายยังเพิ่มสูง ไม่มีใครทราบเลยว่าจะต้องล็อกดาวน์กันอีกนานแค่ไหน เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้ว จะยิ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนเศรษฐกิจไทยปี้นี้มีโอกาสที่จะติดลบต่ออีกปีหนึ่ง จนเหมือนกับเศรษฐกิจได้น็อคดาวน์แล้ว ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจึงมีหน้าที่ที่จะต้องน็อคเอ๊าท์ผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถให้สลบและหามออกจากเวทีการเมืองไป โดยไม่ต้องกลับมาอีก เพราะการบริหารจัดการยังมั่วสุดๆ โดยอยากตั้งคำถามในประเด็นต่างๆตามที่สังคมอยากทราบดังนี้
นายพิชัย กล่าวว่า ทางด้านเศรษฐกิจ สถานภาพทางเศรษฐกิจไทยเสื่อมลงเรื่อยๆ รัฐบาลกู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาท แต่ไม่กล้าเบิกใช้เพราะกลัวจะถูกด่า “นักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” จนหนี้สาธารณะจะทะลุเพดานที่ 60% พยายามรักษาไว้ที่ 58-59% ขณะที่ประชาชนกำลังจะอดตาย แล้วผู้ว่า ธปท. เสนอให้พลเอกประยุทธ์กู้อีก 1 ล้านล้านบาทจะไหวหรือ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ของเก่าที่เคยใช้ไปแล้วยังไม่เกิดประโยชน์เลย ในขณะที่หนี้ครัวเรือนปลายปีจะถึง 93% ธุรกิจจำนวนมากมีหนี้ท่วม หนี้เสียธนาคารก็ยังผ่อนผันเงินต้นและดอกเบี้ยอยู่ ซึ่งหากหยุดการผ่อนผัน หนี้เสียจะพุ่งขึ้นสูงมาก ซึ่งจะกระทบสถานภาพของธนาคารพาณิชย์ในอนาคต และเมื่อไม่เลื่อนการคุ้มครองเงินฝากในภาวะเช่นนี้ โอกาสที่คนแห่ถอนเงินในอนาคตก็เป็นไปได้สูง ซึ่งถือว่าพรรคเพื่อไทยได้เตือนแล้ว ในขณะที่ หนี้นอกระบบมีปัญหาตามหนี้อย่างมหาโหดกันมากจนมีข่าวการฆ่าตัวตายกันมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ยังไม่สามารถเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทันทีจึงอยากให้ดำเนินการ 5 เรื่องหลัก ที่ต้องมองข้ามไปถึงการฟื้นฟูหลังวิกฤตแล้ว
1. การต้องคิดถึงการฟื้นเศรษฐกิจล่วงหน้าว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่คิดแต่เยียวยาอย่างเดียว ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ ภาคธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจได้ภายหลังวิกฤตโควิด และทิศทางประเทศไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร
2. แนวคิดคนละครึ่งโดยรัฐบาล และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยกันลงขันออกนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจโดยการลดหนี้ ลดดอกเบี้ย ยืดการชำระเงิน เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้ฟื้นกลับมาทำธุรกิจได้ใหม่หลังผ่านพ้นวิกฤต ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถไปไล่บี้ธนาคารพาณิชย์ให้เข้ามาสนับสนุนด้วย เพราะหากธุรกิจเจ๊งหมด ธนาคารพาณิชย์จะได้รับผลกระทบมากสุด
3. การมองไปอนาคตเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดได้ โดยการสั่งจองวัคซีนที่มีคุณภาพล่วงหน้า ทั้ง โนวาแว็ก ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา รวมถึงยาป้องกัน ยาพ่น และยาที่ใช้รักษาที่ค้นคว้าใหม่ เพื่อทำให้คนไทยอยู่ร่วมกับไวรัสโควิดได้โดยไม่เสียชีวิต เพื่อนำไปสู่ชิวิตปกติในอนาคต
4. เลิกการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมและตั้งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกันอย่างสันติ
5. ดำเนินคดีกับผู้ใช้กำลังเกินขอบเขตกับผู้ชุมนุมและประชาชนที่โดนทำร้าย
