4 กุมาร คัมแบ็ค “อุตตม” เปิดตัว Thailand Future
4 กุมาร คัมแบ็ค เคลื่อนไหวแล้ว นำโดย อุตตม ควง ลูก-หลาน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เปิดตัว Thailand Future
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังทีม 4 กุมาร ที่ประกอบด้วย นายอุตตม , นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม , นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน , นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หายเงียบไปนับตั้งแต่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเดือน ก.ค.2563 โดยมีข่าวมาตลอดว่า 4 กุมาร เตรียมตั้งพรรคการเมือง สู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป
ล่าสุด นายอุตตม เปิดตัวสถาบันอนาคตไทยศึกษา Thailand Future Foundation โดยมีทีมงาน เช่น นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ อดีตโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในรัฐบาล คสช. หลานชายของนายสมคิด , นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ (ลูกคิด) ลูกชายคนโตของนายสมคิด
นายอุตตม เผยแพร่คลิปวิดีโอ และโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า อนาคตประเทศ ต้องร่วมกันกำหนดและผลักดันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมกลับมาพบกันใน Facebook อีกครั้งหลังจากที่ไม่ค่อยได้เขียนตั้งแต่ผมลาออกจากคณะรัฐมนตรีเมื่อกลางปีที่แล้ว ความตั้งใจเดิมที่เริ่มเขียน Facebook นั้น ก็เพื่อสื่อสารสิ่งที่เป็นประโยชน์ในฐานะคนที่อาสาทำงานให้บ้านเมือง อย่างไรก็ดี ระหว่างที่ว่างเว้นไปผมก็ยังติดตามสถานการณ์บ้านเมืองเป็นประจำ“
วันนี้ผมเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะกลับมาสื่อสารกับทุกท่านอีกครั้ง คนไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ วิกฤตโควิด คือเรื่องเฉพาะหน้าที่เราต้องร่วมกันจัดการสถานการณ์ให้ดีที่สุด แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมองไปข้างหน้าอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศ เช่น การคิดค้นแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะที่สั่งสมมานานเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศและความก้าวหน้าของคนไทย รวมถึงการสร้างสรรค์นโยบายการพัฒนาประเทศที่เกิดประโยชน์สูงสุดครอบคลุมทุกภาคส่วน
ซึ่งการที่ผมจะสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ ผมมีโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับทีมที่สถาบันอนาคตไทยศึกษาหรือสถาบัน ThailandFuture ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาให้กับทีมงาน ซึ่งประกอบด้วยคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่จากหลายภาคส่วน
ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า งานของสถาบันแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ โดยเฉพาะช่วงที่เราเผชิญกับวิกฤตโควิด- 19 รวมทั้งการที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ สามารถจัดการความท้าทายใหม่ๆ ตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ๆให้คนไทยทั้งในรุ่นนี้และรุ่นต่อๆไปได้อย่างเต็มที่
ผมขออนุญาตเล่าถึงแนวทางและเป้าหมายของสถาบันแห่งนี้สั้นๆ ครับ
ความจริงสถาบันอนาคตไทยศึกษาหรือ ThailandFuture ได้ดำเนินงานมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็วในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและอื่นๆ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวผลักดันแบบก้าวกระโดด สถาบันฯ ก็ได้ปรับเปลี่ยนขบวนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และวันนี้ถือเป็นวันที่สถาบัน ThailandFuture เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยทีมงานใหม่ครับ
สำหรับแนวทางการทำงานของสถาบันฯ คือ มุ่งสร้างสรรค์ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการค้นหาและนำเสนอนโยบายการพัฒนาประเทศผ่านเวทีเปิดหรือ Open Platform เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนที่สนใจได้มาร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบและนำเสนอนโยบายต่างๆ ด้วยความคล่องตัวเพราะ ThailandFuture ถือเป็นเวทีกลางที่มีความอิสระเปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น
โดยสิ่งสำคัญที่สุด ThailandFuture มุ่งมั่นที่จะช่วยสนับสนุน ส่งเสริม ให้นโยบายสาธารณะที่เราร่วมกันนำเสนอนั้น ได้รับการนำไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมด้วยพลังของภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วน และผลงานใดๆของ ThailandFuture ทุกฝ่ายสามารถนำไปใช้ได้ ทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชนผู้ประกอบการและอื่นๆ
วันนี้ ThailandFuture ได้เริ่มขับเคลื่อนแล้วภายใต้การรวมตัวกันของกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งด้านอาชีพ ประสบการณ์ และช่วงอายุ ผมขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วมกันคิด วิเคราะห์ ตกผลึกเพื่อตอบโจทย์ของประเทศและประชาชนผมเชื่อว่าอนาคตของประเทศไม่สามารถถูกกำหนดได้โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่คนไทยทุกคนสามารถและสมควรจะมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตประเทศได้ขอบคุณครับ