“ภูมิใจไทย” ร่ายยาว สอน “บิ๊กตู่” รู้จัก ให้เกียรติกัน

“ภูมิใจไทย” ร่ายยาว สอน “บิ๊กตู่” รู้จัก ให้เกียรติกัน รับไม่ได้ อนุทิน ถูกลดอำนาจ
เวลา 15.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 เป็นคนสุดท้ายของพรรค ระบุว่า สำนักงบประมาณ ไม่เตรียมอาวุธให้กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นนักรบในการสู้กับโรคโควิด 19 ไม่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากร เราจึงได้สะท้อนให้เห็นว่าบุคลากรสาธารณสุขมีความจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณอย่างไร
นายศุภชัย กล่าวว่า 2 วันมานี้ พรรคภูมิใจไทย ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุขที่เพียงพอ แต่สำนักงบประมาณกลับปรับลดงบของกระทรวงสาธารณสุขลง พร้อมกันนี้ ยังให้หน่วยงานอื่น ได้รับการจัดงบแทนกระทรวงสาธารณสุข เช่น การซื้อวัคซีน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข กลับโอนให้หน่วยงานอื่นจัดการ

“เราได้แสดงให้เห็นว่าสำนักงบประมาณ ได้ดำเนินการอย่างไม่เข้าใจ ความต้องการของประชาชน เราได้สะท้อนโดยความรู้สึกผิดหวัง ท่านใจดำกับประชาชน เพราะละเลยต่อความต้องการของประชาชน ท่านไม่เข้าใจว่าคนที่ทำงานอยู่ด่านหน้าจะต้องเจออะไรบ้าง ท่านอยู่ในห้องแอร์และหอคอยงาช้าง จึงกระทบต่อคนทำงานและประชาชน”
นายศุภชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทย ได้รับคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่รับประกันว่างบประมาณที่ปรับลดไปนั้น จะได้รับการจัดสรรให้ในส่วนของงบกลาง แต่เงินกู้ยืมเงิน ทำให้เราสบายใจขึ้น จึงต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีในโอกาสนี้ด้วย ทั้งนี้ ขอฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่าสิ่งที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสนอนั้นเกิดจากความน้อยใจ และเรายังติดใจอยู่ โดยต้องการให้นายกฯนำข้อเสนอของ ส.ส.ไปพิจารณาด้วยความเข้าใจ
นายศุภชัย กล่าวว่า หลังรัฐประหารปี 2557 เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการบริหารบ้านเมืองให้เกิดความสงบ โดยเป็นการบริหารแบบรัฐราชการ เพื่อให้ได้อำนาจที่เบ็ดเสร็จ แต่นายกฯตอนนี้กับตอนนั้น มีสถานะต่างกัน เพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และมาจากรัฐสภา มีพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องคิดคือ การอยู่ร่วมกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน

เพราะการจัดทำงบประมาณวันนี้ สำนักงบประมาณยังมีแนวคิดแบบรัฐราชการอยู่ คล้ายยังอยู่กับรูปแบบรัฐบาลก่อนหน้า จึงพยายามครอบงำการจัดทำงบประมาณอยู่ ซึ่งเราไม่เชื่อว่านายกฯรับทราบเรื่องนี้ ที่การจัดทำงบประมาณลักษณะนี้ ทำให้กระบวนการเสียหาย
นายศุภชัย กล่าวว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราทำงานด้วยความจริงใจและเต็มใจ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ทำงานอย่างเต็มที่ แต่การที่มีศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 หรือ (ศบค.)ขึ้นมา พร้อมโอนอำนาจของกระทรวงสาธารณสุข และกฎหมายในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไปให้ ศบค. ที่ดำเนินการโดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นเลขาธิการ ศบค. ซึ่งมีอำนาจมากกว่าหน่วยงานสาธารณสุข
“ถามว่าพวกเราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่พูดแต่เราติด จึงมีคำว่าเรากลับบ้านเถอะคำสั่งบางคำสั่งของท่าน ตั้งเลขา สมช.เป็น ผอ.เฉพาะกิจบูรณาการแพทย์-สาธารณสุข ส่วนรองนายกและ รมว.สาธารณสุข และ รมช.สาธารณสุข เป็นแค่ที่ปรึกษา เวลานั่งประชุมเขานั่งกันยังไง นี่เป็นสิ่งที่พวกผมรู้สึก และอยากให้ท่านทราบว่าเรารู้สึกอย่างไร”
“ท่านอนุทินเป็นลูกน้องนายกฯ ทำไมท่านไม่ใช้เขาละครับ ท่านใช้เขาเถอะครับ เราพร้อมทำงาน เวลาประชุมท่านอนุทิน ยกย่องนายกฯอย่างมาก สิ่งที่รองหัวหน้าพรรคเรา ชาดา ไทยเศรษฐ์ บอกว่าไม่ให้เกียริติประชาชนนั้น เพราะความไม่ให้เกียรติกัน หัวหน้าพรรคเราถูกดึงอำนาจไป เราหวังการทำงานที่ดีเพื่อประโยชน์ประชาชน”
นายศุภชัย กล่าวว่า เรายังยืนยันพรรคภูมิใจไทย ยังตั้งใจจะสนับสนุนรัฐบาลนี้ต่อไป ตราบที่เรายังให้เกียรติกัน เราพร้อมทำงานอย่างทุ่มเท ขอให้รัฐบาลอย่าได้ใช้อำนาจข้าราชการ ลดอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ผมยอมรับไม่ได้ ขอให้ท่านปรับปรุงปฏิรูปแนวทาง อย่างไรก็ตาม เราพร้อมจะฝ่าอุปสรรค ที่เกิดขึ้น และจะลงมติเห็นชอบในวาระ 1 นี้