สรุปข่าว 13 -12-63
ส่องหุ้นไทย : บล.กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (14-18 ธ.ค.) ดัชนีมีแนวรับที่ 1,470 และ 1,455 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,500 และ 1,530 จุดตามลำดับ
โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ประเด็นการเมืองของไทย การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (15-16 ธ.ค.) สัญญาณตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนประเด็น Brexit ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. รวมถึงดัชนี PMI Composite เดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite เดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน
เบรนท์ขยับลง : ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบซื้อข่ายล่วงหน้าในตลาดโลกผันผวน ล่าสุด ปิดตลาดเมื่อเช้ามืด 13 ธ.ค. ในไทยพบว่า ราคาน้ำมับดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายล่วงหน้า งวดส่งมอบเดือน ม.ค.ปีหน้า ปิดลดลง -0.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.49%) มาอยู่ที่ระดับ 46.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดลดลงเช่นกันที่ -0.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (0.54%) ที่ระดับ 49.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองโลกตกแรง : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 13 ธ.ค.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.88ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.16%) ปิดที่ 11,839.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 12 ธ.ค. เพียงครั้งเดียว เพิ่มขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันก่อน +100 บาท โดยราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 26,150 บาท ขาย 26,250 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 25,681.04 บาท ขาย 26,750 บาท.
บาทแข็งต่อ : แบงก์กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้า (14-18 ธ.ค.) ที่ 29.80-30.20 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลการประชุมนโยบายการเงินของ Fed (15-16 ธ.ค.) กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนปัจจัยทางการเมือง และสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค. ข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และ BOE การเจรจาข้อตกลง BREXIT ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซนและอังกฤษเช่นกัน.
เจริญพุทธมนต์ : นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ระบุ รัฐบาล โดยสำนักงานพระพุทธศาสนา ได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันเสาร์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ทั้งในกรุงเทพฯและอีกหลายจังหวัด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดี ที่คนไทยได้ร่วมน้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาไปถือปฏิบัติในช่วงที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาหลายด้าน อีกทั้งยังเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ และเตรียมจัดพร้อมกันทั่วประเทศอีก 2 ครั้ง คือเช้าวัน ส.19 และ 26 ธ.ค.นี้.
เปิดรถไฟ 2 สาย : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมร่วมพิธีเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และรถไฟฟ้าสายสีทอง เชื่อมโยงการเดินทาง 3 จังหวัด แบบไร้รอยต่อ กรุงเทพมหานคร สายสุขุมวิท-สายสีลม, สมุทรปราการ สายสุขุมวิท ส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ, ปทุมธานี ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีกรุงธนบุรี – สถานีคลองสาน ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้.
สงครามกลางเมือง : นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.เมืองคอน ปชป. ระบุถึงบรรยากาศทางการเมืองที่มีทั้งขัดแย้งและความแตกแยกในสังคม ร้าวลึกมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา จึงอยากให้รัฐบาลรีบตัดไฟแต่ต้นลม ตัดตอนความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามไปถึงสถาบันเบื้องสูง และต้องไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแอบอ้างดึงสถาบันเบื้องสูง มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง และห้ามไม่ให้มีการจาบจ้วง ก้าวล่วงถึงสถาบันเบื้องสูง หากปล่อยให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนแล้ว อาจจะพัฒนาไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้.
เรือนจำสู้โควิดฯ : นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุ แม้เรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำกลางเชียงราย และเรือนจำในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ แต่ได้กำชับให้มีมาตรการควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในส่วนของผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ รวมถึงสั่งห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเรือนจำเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องการนำเชื้อเข้าสู่เรือนจำ.