กกร. ปรับ จีดีพี ปี63 เป็น-7ถึง-6%
กกร.ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้เป็น -7ถึง-6% ส่งออกติดลบ -8ถึง -7% เชื่อเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แนะรัฐบาลต่ออายุมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศต่ออีก 3-6 เดือน ส่วนปี 64 คาดจีดีพีโต 2-4%
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร.กล่าวว่า กกร.ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 63 ใหม่เป็นหดตัวในกรอบ -7.0% ถึง -6.0% ขณะที่การส่งออกหดตัวในกรอบ -8.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัว -1.0% ถึง -0.9%
ส่วนปี 64 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญในระยะข้างหน้า ที่ประชุม กกร.จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0% ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.2% โดยเศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 10 ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด รวมถึงตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง
ดังนั้นภาครัฐยังต้องเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2564 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือนที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็นในการประคับประคองเศรษฐกิจประเทศ โดยรัฐบาลควรต่ออายุมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อออกไปอีก 3-6 เดือน นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว
นายกลินท์บอกถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยวว่า สมาคมโรงแรมไทยได้มาเสนอใน ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตรการ 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้ บสย. หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท
2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้างร้อยละ 50 Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี
กกร.ได้มีการหารือเรื่อง ปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง โดยคาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทย
3 เสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามา ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้สายการเดินเรือนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาเก็บไว้ในประเทศไทยมากขึ้น และยังจะช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจการบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศไทยอีกด้วย
กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน