ขยายเฟส 2 “คนละครึ่ง” ลากยาวถึงตรุษจีน
คลังจ่อดันเฟส 2 “คนละครึ่ง” ให้ ศบศ.พิจารณา ก่อนชงครม.ขยายยาวถึงตรุษจีน จับตาส่วนเพิ่มจาก 10 ล้านสิทธิ์เดิม พ่วงวงเงินที่จะเทให้ทั้ง 2 เฟส พร้อมเพิ่มอำนาจซื้อให้ 14 ล้านบัตรคนจน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ ต่อปีหน้า
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังร่วม งานสัมมนา “Wealth Forum ลงทุนอย่างไร .. ให้รวย” ว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ถึงการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 ช่วงต้นเดือน ธ.ค.2563 ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
แต่ยังไม่ระบุว่าจะขยายสิทธิ์ให้มากกว่าเดิม 10 ล้านสิทธิ์อีกเท่าไหร่ หรือเพิ่มวงเงินแค่ไหน โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยพยายามให้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ครบทุกคน และให้ธนาคารกรุงไทยไปดูข้อมูลการลงทะเบียนใน 3 รอบที่ผ่านมา ทั้งผู้ที่ได้และไม่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด นำข้อมูลมาประเมินว่ามีผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการอีกเท่าไหร่
พร้อมพิจารณางบประมาณที่นำมาใช้จาก พ.ร ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เฉพาะในส่วนของงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ที่ยังเหลืออยู่มากกว่า 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิในโครงการคนละครึ่งเฟสแรก จะได้รับสิทธิ์เฟส 2 อัตโนมัติ โดยได้รับวงเงินเพิ่มเติมเข้าไป และในเฟส 2 อาจขยายเวลาการใช้จ่ายจนถึงตรุษจีน (ก.พ.2564) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังพิจารณาเพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ส่วนการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบใหม่ในปีหน้า ขณะนี้กำลังเตรียมระบบให้เรียบร้อย และหลังจากคนละครึ่งจบน่าจะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้
ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงของขวัญปีใหม่ ว่า ขณะนี้สถาบันการเงินของรัฐและหน่วยงานต่างๆ กำลังทำรายละเอียดอยู่ โดยสถาบันการเงินของรัฐจะต้องเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ของตนเอง สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสภาพัฒน์ประเมินว่า จีดีพี)ในปีหน้า 2564 จะสามารถขยายตัวได้ถึง 3.5-4.5% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการส่งออกของไทยที่เริ่มดีขึ้น รวมถึงข่าวดีจากการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย
ส่วนนโยบายการดูแลเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังในระยะต่อไป คือ การสนับสนุนให้ภาคเอกชนรักษาระดับการจ้างงาน โดยภาครัฐจะช่วยในเรื่องการลดหย่อนภาษีและสนับสนุนโครงการสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ และจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะดูแลเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ ควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการเงินการคลังให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม รวมถึงติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความผันผวนของเศรษฐกิจที่อาจจะมีตามมาในอนาคต.