ขุนคลังจี้ บก.ยกเครื่อง รับแผนรุกลงทุนขนาดใหญ่
“อาคม” ควงแขน “สันติ” เร่งจัดทัพการทำงานของกรมบัญชีกลางใหม่ เน้นเบิกจ่ายเงินหลวง “รวดเร็วแต่รอบคอบ” ย้ำ! โอนเงินคนแก่และพิการต้องไม่ขาดตอน สั่งทบทวนขั้นตอนเบิกจ่ายงบลงทุน หวังดึงต่างชาติดันโครงสร้างพื้นฐานและอีอีซี พร้อมขยายขอบเขตลงทะเบียนผู้ประกอบการให้กว้างและลึกขึ้น คลุมถึงสร้างสนามบิน อุโมงค์ ฯลฯ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เดินทางตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมบัญชีกลาง (บก.) เมื่อช่วงสายวันที่ 9 พ.ย.2563 โดยมี นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมธนารักษ์ และคณะผู้บริหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ ณ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
นายอาคม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยรับและจ่ายงบประมาณแผ่นดิน เร่งดำเนินการเบิกจ่ายที่รวดเร็วในส่วนที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการและรัฐวิสหกิจ แต่ยังต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพราะงบประมาณคือเงินแผ่นดิน รวมถึง เร่งตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งช่วงที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืนเป็นต้น
นอกจากนี้ ในส่วนของเงินสวัสดิการที่รัฐมีให้กับผู้สูงอายุและคนพิการ ตนได้ขอให้เร่งโอนเงินข้าบัญชีของคนกลุ่มนี้โดยไม่ขาดตอนและไม่ล่าช้า
“อีกเรื่องที่ได้กำชับให้กรมบัญชีกลางเร่งดำเนินการก็คือ การลดขั้นตอนในการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุน หลังจากที่มีข้อเสนอจากนักลงทุนต่างชาติในไทย เพื่อให้การดำเนินงานในโครงการก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจและโครงการสำคัญๆ เช่น โครงการอีอีซี เป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบัน เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญต่อการดำเนินการมากขึ้น” รมว.คลัง ย้ำและว่า
การปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีผลต่อการดำเนินการในหลายส่วน ที่เป็นเรื่องระหว่างภาครัฐและเอกชน (G2B) ทั้งนี้ เพื่อสร้างความคล่องตัว ความสะดวกรวดเร็ว และช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทย ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ Doing Buiness (การจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ) ในอนาคต
นายอาคม ย้ำว่า ปัจจุบันไทยยังขาดความชัดเจนในด้านการลงทะเบียนผู้ประกอบการ โดยขอให้กรมบัญชีกลางขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้าง ระบบทางเดินรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน รวมถึง ขยายความชัดเจนเฉพาะด้านไปถึงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ เพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพเทียบเท่ากับโครงการก่อสร้างในต่างประเทศ เช่น การก่อสร้างรันเวย์ ลานจอดเครื่องบิน อุโมงค์ต่างๆ เป็นต้น
สำหรับการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐนั้น ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะสามารถเบิกจ่ายได้ราวร้อยละ 92 ของงบประมาณในแต่ละปี ซึ่งในปี 2563 แม้จะมีความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณ อีกทั้งยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จากกระบวนการเร่งรัดที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้การเบิกจ่ายในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์เดียวกับปีก่อนๆ ส่วนในปีงบประมาณ 2564 แม้จะล่าช้าออกไปราวครึ่งเดือน เชื่อว่ากระบวนการเร่งรัดการเบิกจ่ายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยทำให้การเบิกจ่ายฯมีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของงบประมาณ.