สรุปข่าว 7-11-63
หุ้นโลกแกว่ง : ตลาดหุ้นสำคัญของโลก ปิดตลาดเมื่อ 6 ต.ค.63 (ตรงกับเช้า 7 ต.ค.ในไทย) ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 66.78 จุด (-0.24%) ปิดที่ 28,323.40 จุด, เอสแอนด์พี ลดลง 1.01 จุด (-0.029%) ปิดที่ 3,269.96 จุด
ขณะที่ แนสแดคเพิ่มขึ้น 4.30 จุด (0.036%) ปิดที่ 11,895.23 จุด เช่นเดียวกับ นิเคอิ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 219.95 จุด (-1.52%) ปิดที่ 22,977.13 จุด ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดทำการซื้อขายที่ 1,260.08 จุด ปรับตัวลดลง 4.24 จุด (-0.34% %) มูลค่าการซื้อขาย 52,725.69 ล้านบาท
น้ำมันโลกลดอีก : ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดเมื่อเวลา 03.59 น.ของวันที่ 7 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย โดยสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เดือน ธ.ค. ลดลง 1.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -3.61%) ปิดที่ 37.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เดือน ม.ค.ปีหน้า ปรับลดลง 1.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -3.10%) โดยราคาปิดอยู่ที่ 39.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล. ขณะที่ ภาพรวมราคาน้ำมันในไทยวานนี้ (6 พ.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 ส.ต./ลิตร
ทองไทยขึ้น : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ตรงกับเวลา 05.00 น.ในไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ (0.09%) ปิดที่ 1,951.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทย สมาคมค้าทองคำประกาศเปลี่ยนแปลงราคาทองคำตลอดวันถึง 6 ครั้ง โดยมีราคาเปิด (09.31 น.) เพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 150 บาท จากนั้น ราคาปรับลดลงในช่วงสาย ก่อนดีดขึ้นในช่วงบ่าย จนราคาปิดสุดท้าย (15.33 น.) ปรับเพิ่มขึ้นรวม 100 บาท เมื่อเทียบกับราคาวานนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งราคาซื้อทองคำแท่งบาทละ 28,100 บาท ขาย 28,200 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,591.20 บาท ขาย 28,700 บาท.
บาทแข็งค่า : ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเมื่อ 6 พ.ย. ไว้ที่ 30.675 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 31.0290 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 30.8654 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 40.7089 บาทต่อ 1 ปอนด์สเตอริง, 36.6280 บาทต่อ 1 ยูโรดอลลาร์, 30.0256 บาท ต่อ 100 เยน, 4.0057 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง, 23.0132 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.5165 บาทต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย.
ผนึกม็อบใหญ่ : กลุ่มนักเรียนเลว (นรล.) ร่วมอ่านแถลงการณ์ฯ กดดันนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่มิได้สนใจแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้อง ขาดวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ อ้างว่าการชุมนุมของนักเรียนมีผู้อยู่เบื้องหลัง และเตรียมยกระดับการเรียกร้องไปที่ต้นตอของปัญหา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยประกาศจัดชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 21 พ.ย. เพื่อยกระดับการเรียกร้องฯ ทั้งนี้ ทางกลุ่มเตรียมประกาศชุมนุมให้เป็นไปในทางเดียวกับม็อบราษฎร ที่จะจัดชุมนุมใหญ่ในวัน อา.8 พ.ย.นี้.
รับมือม็อบ : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุจากกระทรวงมหาดไทย ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ฯ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 8 พ.ย. ว่า อย่าทำผิดกฎหมายแล้วกัน ทางการข่าวขณะนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนการป้องกันสถานที่สำคัญ เช่น ทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแล ขณะที่ นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง เชิญหน่วยงานภายในกำกับดูแลทำเนียบรัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรุงเทพมหานคร และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้าหารือในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการจัดชุมนุมใหญ่.
แจ้งจับปวิน : นายธนุ สุขบำเพิง ทนายความนำกลุ่มไทยภักดี เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ดูแลกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสตลาดหลวง (ปัจจุบันอาศัยที่ญี่ปุ่น) ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หลังโพสต์เฟซบุ๊กสร้างความแตกแยกในสังคม ประเด็นการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยข้อความของนายปวินช่วงวันที่ 13-28 ต.ค. รุนแรงมากทำให้ประชาชนเกิดความกระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นความผิดอาญา มีคนเข้าไปแชร์นับพันคนโดยหลักผู้แชร์ต้องผิดด้วย แต่ร้องทุกกล่าวโทษเฉพาะนายปวิน.
ยกหูคุยเหงียน : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หารือทางโทรศัพท์กับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกฯเวียดนาม เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพแบบประชุมทางไกล โดยกล่าวแสดงความเสียใจ พร้อมสนับสนุนเวียดนามฟื้นฟูความเสียหาย หลังประสบเหตุอุทกภัยและดินถล่ม จัดประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ในปีหน้า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการประชุมความร่วมมือด้านพลังงาน Thailand Vietnam Energy Forum ครั้งที่ 2.
สิระลามปาม : นายชวน หลีกภัย ปธ.สภาผู้แทนราษฎร และปธ.รัฐสภา ระบุ ไม่อยากแสดงความคิดเห็นถึงความคืบหน้าการตั้งคณะ กรรมการสมานฉันท์มากนัก ไม่อยากตกเป็นเหยื่อทางวาจาให้กับนายสิระ เจนจาคะ พร้อมกล่าวเตือนว่า หากจะวิพากษ์พิจารณ์อะไรควรต้องให้เกียรติผู้สูงอายุด้วย อย่ามองผู้สูงอายุในทางลบ ยืนยันว่าไม่รู้สึกท้อ และไม่มีปัญหาส่วนตัวกับใคร ไม่ได้โกรธใคร พร้อมรับคำแนะนำ.
เมียเนวินชิ่ง : บรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ.วันสุดท้าย ไม่คึกคักเหมือนหลายวันก่อนหน้านี้ แต่ที่น่าสนใจ คือ กรณี นางกรุณา ชิดชอบ อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ ภรรยาของนายเนวิน กลับไม่ลงสมัคร ส่งนายภูษิต เล็กอุดากร ลงสมัครแทนในนามทีม “เราเพื่อน เนวิน เพื่อนเรา” ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท.ระบุ กม.ให้ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง รวมถึง มท.ที่ดูแลพื้นที่ก็ต้องวางตัวเป็นกลางเช่นกัน เพราะการเลือกตั้งมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่ให้คุณหรือโทษกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง.
จับล็อตใหญ่ : กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกับกรมศุลกากร, กร.อมน., กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพภาคที่ 2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 6 คดี ผู้ต้องหา 8 คน ยาบ้า 1,918,000 เม็ด ยาไอซ์ 100 กิโลกรัม กัญชา 200 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินมูลค่า 2.5 ล้านบาท โดย1 ใน 6 คดี เป็นการขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งขนมเบื้องยึดยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด หลังลักลอบลำเลียงจากชายแดนอีสานเข้าภาคกลาง ทั้งนี้ เตรียมบูรณาการยายผลการจับกุมต่อไป.
การแพทย์ไทยล้ำ : นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาชุดตรวจหาแอนติบอดีต่อโควิด-19 เป็นครั้งแรกของไทยที่ผ่านการทดสอบว่ามีความไว ความจำเพาะและความแม่นยำต่อโรคโควิด-19 มากกว่า 90% ทราบผลว่ามีภูมิคุ้มกันภายใน 15 นาที ขณะนี้อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนกับ อย. คาดใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยจะผลิตเพื่อนำมาใช้สุ่มตรวจหาภูมิคุ้มกันคนไทย 6 หมื่นคน พร้อมให้เอกชนที่นำไปผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ มีต้นทุนต่ำเพียง 100 กว่าบาทต่อเทสต์ ต่างจากนำเข้าที่มีราคาอยู่ที่ 300-500 บาท.