ห่วงปัจจัยลบมีเยอะฉุดส่งออกโตแค่3.5%
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2019/05/1ffb47b7e69b3d83e70da15cc589a8b9_XL-1.jpg)
สรท.ห่วงปัจจัยลบครึ่งปีหลัง คงเป้าส่งออกปี 60 ไว้เดิมที่ 3.5% ยันบาทแข็งกระทบความสามารถการแข่งขันด้านส่งออก ร่วมวงเบรกรัฐบังคับใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว
แม้ตัวเลขการส่งออกเดือนพฤษภาคม 2560 ออกมาเป็นการขยายตัวสูงถึง 13.21% ด้วยมูลค่า 19,944 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ระยะ 5 เดือน รวมมูลค่า 93,265 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเติบโต 7.21% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องติดตามปัจจัยลบที่มีค่อนข้างมาก ส่งผลให้ภาคเอกชน โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินว่า การเติบโตของการส่งออกทั้งปีนี้ น่าจะคงเดิมอยู่ที่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าขยายตัวที่ระดับ 5%
ทั้งนี้ เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยคือ การส่งออก และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการส่งออกนั้น นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สรท. กล่าวว่า แม้การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวดีมาก ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.6% แต่ครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยลบอีกมากที่กระทบต่อการส่งออก
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากกว่าคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าถึง 5.16% ปัจจัยราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์ให้ตกต่ำลงไปด้วย และปัจจัยความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศ ที่ฉุดรั้งภาคการค้าโลกให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น มาตรการการกีดกันทางการค้า ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรหรือมาทันทีทันใด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ เช่น การขาดแคลนตู้บรรจุสินค้าสำหรับการส่งออก การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ปริมาณสินค้าคงคลังของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าในช่วงปลายปี 2516 และโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในการทำตลาดผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซยังมีน้อย
“ ปัญหาค่าเงินบาทนั้น หลังจากหารือกับแบงก์ชาติแล้วมีการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเสนอโครงการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการให้เข้าถึงการประกันความเสี่ยงได้ดีมากขึ้น ส่วนประเด็นปัญหาแรงงาน โดยเฉพาะการออก พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เสนอให้รัฐบาลเลื่อนการใช้ออกไปก่อน ซึ่งเป็นความเห็นเดียวกับข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. โดยขอให้รัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ” นายวิศิษฐ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกเสนอให้รัฐยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการในท่าเรือหลักของประเทศ โดยต้องเร่งพัฒนาระบบ มารีไทม์ ซิงเกิล วินโดว์ และออโตเมชั่น สำหรับการทำงานทั้งระบบ และลงทุนสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าให้มีความทันสมัย ทำงานรวดเร็ว.