ออมสินมั่นใจแจ้งเกิด “Venture Capital”
“ชาติชาย” มั่นใจ VC แจ้งเกิดที่ธนาคารออมสินอย่างแน่นอน ล่าสุดตั้งอีก 2 กองทุน มูลค่า 1,500 ล้านบาท รวมกับกองแรก 500 ล้านบาท VC เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท เน้นร่วมทุน ดันเอสเอ็มอี Startup และ Fintech ขานรับนโยบาบรัฐบาล 4.0
“ การร่วมลงทุนกับรายย่อย หรือ Venture Capital ของธนาคารออมสิน ถือว่า ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะผมต้องแจ้งเกิดโครงการนี้ให้ได้ ซึ่งคนอื่น อาจจะทำไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่า Venture Capital เกิดขึ้นที่ธนาคารออมสินอย่างแน่นอน ” นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการการธนาคารออมสินให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ลงนามกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund กองที่ 2 วงเงินรวม 500 ล้านบาท และกองที่ 3 วงเงินรวมอีก 1,000 ล้านบาท
นายชาติชาย กล่าวว่า Venture Capital หรือ VC ของธนาคารออมสินมีทั้งหมด 2,000 ล้านบาท โดยกองแรกได้ตั้งวงเงินไว้ 500 ล้านบาท ล่าสุด ได้มีการอนุมัติการร่วมลงทุนไปแล้ว 6 ราย คิดเป็นวงเงิน 165 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนเพิ่มอีก 3 ราย คิดเป็นวงเงิน 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1,500 ล้านบาท คือ กองที่ 2 และกองที่ 3 คาดว่า จะพยายามร่วมทุนให้หมดภายในปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
“ การจัดตั้งกองทุนในครั้งนี้ ธนาคารออมสินจะลงทุนเป็นสัดส่วน 80% ในทุกกอง ส่วนที่เหลือ 20% จะเป็นการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนนี้เป็นไปเพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Startup และ Fintech ที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตและมีเงินร่วมลงทุนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียอัตราดอกเบี้ย ”
ส่วนการร่วมทุนนั้น ธนาคารออมสินจะทำการจัดสรรวงเงินเพื่อเข้าร่วมลงทุนในกิจการแต่ละรายตั้งแต่ 10-100 ล้านบาท โดยการสัดส่วนถือหุ้นในกิจการสูงสุดจะไม่เกิน 49% ขณะที่อายุกองทุนฯ กำหนดไว้ที่ 10 ปี ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในกิจการโดยเฉลี่ยต่อปีนั้นจะอยู่ที่ 8% อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินยังคาดหมายว่า กองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายได้อีกราว 50-100 บริษัท โดยขึ้นอยู่กับขนาดการร่วมลงทุนของธนาคารและปริมาณเงินที่บริษัทต้องการ ขณะที่การคัดเลือกตัวบริษัทที่ธนาคารออมสินจะเข้าร่วมลงทุนนั้นจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารจัดการกองทุนและผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนที่ 2 จะมีบริษัท เอกซ์พารา (ไทยแลนด์) จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด ( มหาชน) ทำหน้าที่เป็นทรัสตี ส่วนกองทุนที่ 3 จะมีบริษัท พรีเมียร์แอ๊ดไวเซอร์รี่ กรุ๊ป จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นทรัสตี
“ ขอชี้แจงว่า ธนาคารออมสินเข้าไปร่วมทุน หรือ VC ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหวังกำไร หรือเข้าไปยึดครองบริษัท แต่สิ่งที่เราหวังคือ การผลักดันให้แก่เอสเอ็มอีไทยมีความก้าวหน้าและมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทำให้การทำธุรกิจของประเทศมุ่งไปสู่แนวคิดไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนผลตอบแทนการลงทุนจะถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้น ”
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ความแตกต่างของกองทุนร่วมลงทุนทั้ง 3 กองว่า กองทุนที่ 1 ซึ่งมีมูลค่า 500 ล้านบาทจะเน้นการลงทุนในกลุ่ม Startup ที่เริ่มมีการทำธุรกิจบ้างแล้ว ส่วนกองทุนที่ 2 มูลค่า 500 ล้านบาท จะเน้นการลงทุนในธุรกิจที่ยังอยู่ในขึ้นเริ่มต้นจริงๆ แต่ก็มีแนวโน้นว่า จะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนได้อีกมากในอนาคต ขณะที่กองทุนที่ 3 วงเงิน 1,000 ล้านบาทนั้น วิธีการการลงทุนจะใกล้เคียงกับกองทุนที่ 1
“ ที่ผ่านมา มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าจดทะเบียนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้ว 162 บริษัท มูลค่าระดมทุนประมาณ 99,057 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มี 23 บริษัทที่เติบโตจนย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอก จากนี้ ความร่วมมือกับธนาคารออมสินในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และจากผลความ สำเร็จในการร่วมลงทุนของกองทุนได้ช่วยให้บริษัท YGGDRAZIL Group (อิคดาซิล กรุ๊ป) ซึ่งเคยเป็นเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับแอนนิเมชั่นและเกมส์นั้นมีความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ได้แล้ว.