Dispurtion กองทุนหมู่บ้านฯ!!?

“ดาวเด่น” อย่างกองทุนหมู่บ้านฯ จะถูก Dispurtion จากบทบาทความสำคัญที่โดดเด่น ในสายตาของคนต่างองค์กรหรือไม่? ในเมื่อหลายคน…ไม่ประสงค์จะ “ตกรถด่วน…ขบวน สทบ.” แล้วคนเหล่านี้…มองเห็นศักยภาพอะไร? ในตัวกองทุนหมู่บ้านฯ

ทำไม? ช่วงเวลานี้…ใครๆ ก็หันมาสนใจกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองฯ ทั้งที่หน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองฯ 79,604 แห่งในทุกหมู่บ้านทั่ว อย่าง…สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทบ.แห่งนี้ จัดตั้งมายาวนานถึงกว่า 19 ปี (วันก่อตั้ง 14 ก.ค.2544)
หากยังจำกันได้ หลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 รัฐบาลในช่วงเวลานั้น พยายามลดบทบาทของกองทุนหมู่บ้านฯมาโดยตลอด ด้วย ข้อหาฉกรรจ์ “มรดกของทักษิณ” กระทั่ง มีรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง ความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านฯ ได้ถูกปัดฝุ่นขึ้นอีกครั้ง ทว่าเวลาต่อมา ก็ลดบทบาทลงไปอีก เป็นอย่างนี้…ซ้ำซาก!
แม้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2/1 จะหันมาให้ความสำคัญกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองฯ แต่ก่อนหน้านั้น ก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ และที่รัฐบาลต้องกลับมาให้ความสำคัญกับกองทุนหมู่บ้านฯ ส่วนหนึ่ง…เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี “มือเศรษฐกิจชั้นเซียน” ของรัฐบาล นั่งแท่นเป็น “ประธานกองทุนฯ” และดำเนินนโยบายเศรษฐกิจรากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยุค “นิว นอร์มอล”
หลังโดนกระหน่ำ จากวิกฤตสงครามการค้าต่อเนื่องจากช่วงปี 2561 และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว “2 แหล่งรายได้สำคัญ” ของไทย…หายหดไปอย่างรุนแรง

รัฐบาลจำเป็นจะต้องเร่งสร้างโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุน นำร่องด้วยการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ด้วยหวังจะเห็นการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน จะเดินตามกันมา และตามมาด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของประชาชน
การได้ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ มานั่งกำกับดูแลและขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านฯ ในฐานะ “ผอ.สทบ.” ถือว่า…ถูกคน ถูกที่ และถูกเวลา ยิ่งนัก!
กับแนวทางการทำงานเชิงรุก! ด้วยการลงพื้นที่กองทุนหมู่บ้านฯทั่วทุกภาคของประเทศ ชนิดถี่ยิบ! แถมยังดึงเอา แนวร่วม ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงกองทัพสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ลงพื้นที่ไปด้วยทุกครั้ง ยิ่งสร้างปรากฏการณ์ “แม่เหล็ก” ดึงเอา…ผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคส่วนราชการหรือเอกชน แม้กระทั่ง สื่อมวลชนท้องถิ่น มาร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น
ตั้งแต่…การแลกเปลี่ยนสินค้า ไปจนถึงการซื้อขายสินค้ากันเองระหว่างกองทุนหมู่บ้านฯต่างพื้นที่ รวมถึงค้าขายกับส่วนราชการและภาคเอกชน

ก่อนหน้านี้…กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ประกาศความร่วมมือกับ สทบ. โดยบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในการพัฒนาศักยภาพและยกระดับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ให้มีองค์ความรู้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจด้านต่างๆ รวมทั้งสร้างช่องทางการตลาดในสื่อโซเชียลมีเดีย ภายใต้แนวคิด “เรียนแล้ว สร้างได้ ขายเป็น” เติบโตอย่างยั่งยืน ตามนโยบาย “ปั้น ปรุง เปลี่ยน SMEs ให้ดีพร้อม”
จากนั้น…ไม่นาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ก็เข้ามาร่วมทำงานกับ สทบ. ผ่านใต้โครงการ “ตลาด กทบ สสว” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่น LINE ที่จะช่วยขายสินค้ากองทุนหมู่บ้านให้กับสมาชิกของ สสว. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในระดับหนึ่ง

เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็น…คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็หยิบยกเรื่องความสำคัญของกิจกรรมชุมชน ในความดูแลของกองทุนหมู่บ้านฯ โดยเฉพาะ การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ กกร. จะเสนอต่อคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาล ในอนาคตอันใกล้ หลังจากมี ครม.ชุดใหม่ และทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ แล้ว
การมี นายปรีดี ดาวฉาย “คนกันเองใน กกร.” มานั่งในตำแหน่ง รมว.คลัง น่าจะเป็น “จุดเชื่อม” ที่สำคัญ และ ผลักดันให้ข้อเสนอของ กกร. สัมฤทธิ์ผล ซึ่งไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อ…เศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่ แม้แต่เศรษฐกิจในระดับชุมชน และโอกาสใหม่ๆ ของกองทุนหมู่บ้านฯ ย่อมจะมีสูงขึ้น! ตามไปด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2563 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดภายใต้ชื่อ“พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน Lot 6 “ ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้บ้าน” ซึ่ง กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศ และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดขึ้นมา
โดยมีเป้าหมายเพื่อ…ลดภาระรายจ่ายและช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชนในระดับท้องถิ่นและหมู่บ้าน ด้วยการนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. ถึง 30 ก.ย.2563
นายจุรินทร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดงานฯตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา มีจำนวนรายการสินค้าอุปโภคบริโภคที่ข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด จากครั้งที่ 1 ที่มีเพียง 72 รายการ เพิ่มเป็น 3,025 รายการ ในครั้งที่ 2 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 7,158 รายการ และลงลึกไปถึงระดับอำเภอ รวม 878 อำเภอทั่วประเทศ ในครั้งที่ 4 (5 มิ.ย.) และเพิ่มเป็น 1,605 รายการในครั้งที่ 5 (15 มิ.ย. – 15 ก.ค.) ซึ่งตรงกับช่วงเวลาของการเปิดภาคเรียน โดยมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียน และการเรียนการสอนเพิ่มเติมเข้ามา…จากสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค

และครั้งที่ 6 นี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดกิจกรรมขึ้น และเล็งขยายผลลงลึกไปถึ งระดับหมู่บ้านที่มีมากกว่า 7.9 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ผ่านร้านค้าเครือข่ายกว่า 6,000 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านฯที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 2,500 ร้านค้า นำสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่าย ในราคาส่วนลดพิเศษถึง 50%อาทิ สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องปรุรส, ของใช้ในชีวิตประจำวัน, ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชำระร่างกาย และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซักล้าง
“เฉพาะใน 5 กลุ่มนี้ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 400 รายการ จากผู้ผลิตรายใหญ่มากถึง 17 ราย ที่นำมาร่วมโครงการกับกระทรวงการพาณิชย์ในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าโครงการนี้ จะมีส่วนช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย จนถึงสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และปัญหาไวรัสโควิด-19” นายจุรินทร์ ระบุ
ด้าน นายรักษ์พงษ์ เช่งเจริญ ผอ.สทบ. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่กองทุนหมู่บ้านฯได้รับการเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากสินค้าที่นำมาขายจะไม่เป็นคู่แข่งของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้สมาชิกฯได้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลอีกด้วย

“ในส่วนของ สทบ. มีกองทุนหมู่บ้านฯที่เป็นผู้ประกอบการร้านค้าเพื่ออุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตร และร้านค้าอื่นๆ 30,103 กองทุน กระจายอยู่ใน 79,604 กองทุน ในทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในระดับหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยการเข้าร่วมโครงการนี้ 2,751 ร้านค้า ซึ่ง สทบ.จะช่วยสนับสนุนความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และทำให้ช่วยลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องสมาชิกกองทุนฯ ราว 40 ล้านคนทั่วประเทศ” นายรักษ์พงษ์ ระบุ
การมาของ กกร. และกระทรวงพาณิชย์รอบนี้ น่าสนใจว่า…บทบาทและความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านฯ ได้ถูกยกระดับขึ้นมาในจุดที่พวกเขา…จะปล่อยให้องค์กร/หน่วยงานของตัวเอง “ตกรถด่วน…ขบวน สทบ.” ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! หรือไม่?
และจาก มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ใกล้จะเกิดขึ้น ภายหลังได้ ครม.ใหม่ “ประยุทธ์ 2/2” และทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ กับงบประมาณเงินกู้ 4 แสนล้านบาท รวมกับ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่ใกล้คลอดเช่นกันอีก 3.3 ล้านล้านบาท
ย่อมเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม…ไม่มากก็น้อย

และไม่ใช่แค่…กสอ. สสว. กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลประยุทธ์ เชื่อว่า…บทบาทและความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านฯ ในฐานะ “ดาวเด่น” ดวงใหม่…ภายใต้การนำของ สทบ. ที่มี นายรักษ์พงษ์ เป็น “หัวขบวน” คงกำลังถูกจับตามองจากอีกหลายๆ ภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่…นักการเมือง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ได้หรือเสีย? ดีหรือเลว? บวกหรือลบ? เวลาเท่านั้น…จะเป็นเครื่องพิสูจน์!
ไม่แน่ว่า…ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในยุค New Normal กับความสำคัญที่ถาโถมเข้ามาชนิดที่อาจตั้งตัวกันไม่ทัน นั้น จะกลายเป็น Disruption กับกองทุนหมู่บ้านฯและผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับหรือไม่? อย่างไร?
น่าสนใจดีแท้!!!.