“สันติ”เร่งฟื้นฟูที่ราชฯทิ้งร้าง สร้างมูลค่าเพิ่ม
“สันติ” สั่งกรมธนารักษ์เร่งใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุร้าง เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก รับนโยบายนายกฯ ชูแคมเปญพัฒนาบ้านพักข้าราชการ 4 หมื่นยูนิตทั่วประเทศ ผ่อนเพียง 2-3 พันบาท/เดือน นาน 30 ปี คาดเปิดจองเฟสแรก ส.ค.นี้ พร้อมนำที่ดินริมน้ำ 500 ไร่ ย่านนครสวรรค์ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ พร้อมผุด “ต้นแบบ” ตลาดกลางสินค้าเกษตรแถบสมุทรปราการอีก 50 ไร่
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมธนารักษ์ ว่า ได้เร่งดำเนินการนำที่ดินราชพัสดุที่ถูกทิ้งร้างทั่วประเทศมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ด้วยการเข้าไปพัฒนาที่ดินในรูปแบบโครงการต่างๆ และเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในด้านการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับข้าราชการพลเรือนในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ กรมธนารักษ์รายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงาน และศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนว่า เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยได้มีการเตรียมเปิดตัวโครงการและเปิดให้จองที่พักอาศัยช่วงปลายเดือน ก.ค.หรือต้น ส.ค. 2563
ในระยะแรกเปิดให้จอง 800 -1,000 ยูนิต ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ และในระยะที่ 2 อีก 5,000 – 10,000 ยูนิต ซึ่งได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์ไปหาพื้นที่ที่เหมาะสม โดยเร่งให้ไปสำรวจที่ดินราชพัสดุทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อดูว่าพื้นที่ตรงไหเหมาะสมในการพัฒนาโครงการ ไม่น้อยกว่า 10,000– 40,000 ยูนิต ซึ่งข้าราชการสามารถอยู่อาศัยระยะยาวได้นาน 30 ปี โดยผ่อนชำระผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% ต่อปี ผ่อนชำระราคาไม่เกิน 2,000-3,000 บาทต่อเดือน และสามารถโอนสิทธิเปลี่ยนมือระหว่างข้าราชการด้วยกันได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและถือเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้มีบ้านพักอาศัยเป็นของตนเองและถือเป็นทรัพย์สินได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุที่น่าสนใจ เช่น ที่ราชพัสดุบนพื้นที่ 500 ไร่ ใน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อยู่ในการครอบครองของกรมเจ้าท่า แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ส่งหนังสือเพื่อขอพื้นที่คืน โดยตนให้นโยบายไปว่า ควรพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำตามนโยบายของรัฐบาล เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวมีทัศนียภาพดีมาก มีท่าเรือสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เนื่องจากพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มีจุดเด่นอยู่บริเวณแม่น้ำ 2 สี คือ แม่น้ำ 2 สายมาบรรจบกัน
ดังนั้น หากพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีกิจกรรมการท่องเที่ยวทางเรือเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เช่น บึงบอระเพ็ด ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งเป็นสถานที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพ จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่ได้ และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมทั้งสร้างเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการเพิ่มศักยภาพ พื้นที่โครงการศูนย์กระจายสินค้าชุมชนและพืชผลทางการเกษตร ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ในระยะแรกมีพื้นที่ดำเนินการแล้ว 16 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ส่งคืนมาให้กรมธนารักษ์ มีทั้งตัวอาคาร และที่ดิน จึงมีแนวคิดให้ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เข้าไปพัฒนาพื้นที่ และมอบให้กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เข้ามาบริหารงานแทน โดยเบื้องต้นจากการหารือกับ อ.ต.ก. คาดว่าจะพัฒนาให้เป็นตลาดกลางผลไม้และพืชผลทางการเกษตรตามฤดูกาล เพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าเกษตรของทุกภูมิภาค
สำหรับความคืบหน้าในการพัฒนาศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจรในพื้นที่ ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื้อที่ 48 ไร่ ซึ่งอยู่ในการครอบครองของกรมกิจการผู้สูงอายุ ขณะนี้ถูกปล่อยทิ้งให้เสื่อมโทรม ในขณะที่พื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพสูง เนื่องจากติดชายทะเล จึงเร่งให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการทำแผนพัฒนาที่ดินในแปลงดังกล่าวให้กลับมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเป็นศูนย์ฝึกอบรมอาชีพในการดูแลผู้สูงอายุ หรือศูนย์เรียนรู้ของผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุจากทั่วประเทศเข้ามาฝึกอบรมสร้างทักษะความรู้ในด้านต่างๆ.