‘เอพี’ปั้นแบรนด์’อภิทาวน์’รุกภูมิภาค

“เอพี ไทยแลนด์”ชี้วิกฤตโควิด-19 เหมือนซูเปอร์โนวาที่ใหญ่ ส่งผลกระทบรุนแรงกว่าวิกฤตที่ผ่านมา พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เดินหน้ารุกตามโรดแมป ส่งแบรนด์ “อภิทาวน์”ปูพรมทำเลศักยภาพต่างจังหวัด
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเปรียบเทียบสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เป็นซูเปอร์โนวาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก สร้างผลกระทบที่ใหญ่และรุนแรงกว่าวิกฤตครั้งไหนในอดีต โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา อยู่บนความระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการปรับแผนงานให้สอดรับในแต่ละสถานการณ์ ส่งผลให้ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้น 15,085 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 14 โครงการ มูลค่า 15,500 ล้านบาท และโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างการขาย 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 70,000 ล้านบาท
“วิกฤตครั้งนี้ ไม่เหมือนในอดีต เรายังต้องอยู่กับสภาวะความผันผวนเช่นนี้ต่อไป แน่นอน ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม Challenge ที่น่าสนใจคือ วันนี้คำว่า New Normal ที่เราพูดถึงกันนั้นยังเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์แบบ วิกฤตยังเดินไปไม่ถึงตอนจบ ยังไม่รู้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรอีก ดังนั้น ต้องเตรียมความพร้อมของคนในองค์กร การบริหารกระแสเงินสดแล้ว แผนธุรกิจที่ยืดหยุ่น ทำให้เราผ่านวิกฤตไปได้ ซึ่งความแข็งแกร่งของ เอพี ได้สะท้อนให้เห็นผลงานที่ผ่านมา กราฟการเข้าเยี่ยมชมโครงการและยอดขายเป็นบวก โครงการแนวราบเติบโตขึ้น”
สำหรับทิศทางธุรกิจของ เอพี ในครึ่งปีหลัง ยังคงเดินตามแผนที่วางไว้ โดยจะเปิดโครงการแนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 21 โครงการ มูลค่า 21,300 ล้านบาท และในต่างจังหวัด 5 หัวเมืองใหญ่ ภายใต้แบรนด์ ‘อภิทาวน์’ จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ,ระยอง ,อยุธยา ,ขอนแก่น และเชียงราย ในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักต์ราคาเริ่มต้น 1.5-9 ล้านบาท พร้อมพรีเซลล์โครงการแรกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 26-27 กันยายน และโครงการอื่นๆ ในช่วงเดือนตุลาคม ขณะที่โครงการในจังหวัดระยอง ที่มีผู้ติดเชื้อเข้ามาในจังหวัด ขณะนี้ บริษัทประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 แผนการดำเนินงานทั้งปี จะเปิด 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 41,500 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,470 ล้านบาท ทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 16,330 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท และมีสินค้าคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการขาย จำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 40,550 ล้านบาท ในจำนวนนี้รายได้จากคอนโดมิเนียมจะมาจากโครงการร่วมทุน 100%
ในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดฯสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบ จำนวน 4 โครงการ โดยในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 56,149 ล้านบาท.