“สมคิด”หนุนกองทุนหมู่บ้านเชื่อมเศรษฐกิจไทย
“สมคิด” หนีการเมือง! ลงพื้นที่เยี่ยมกองทุนหมู่บ้านท้องคุ้ง อยุธยา ย้ำ! ขอใช้เวทีนี้ ฝากถึงผู้นำทุกกองทุนหมู่บ้าน 7.9 หมื่นแห่งทั่วไทย เร่งยกระดับและพัฒนา พร้อมสร้าง “จุดขาย” สินค้าและบริการที่มีอัตลักษณ์และสตอรี่ ก่อนนำมายึดโยงกันทั้งแผ่นดิน เชื่อสร้างความแข็งแกร่งจากระบบเศรษฐกิจฐานราก สู่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย
ชมไม่หยุดปาก! “เปิ้ลฉลาด…หัวแหลม”
ครั้งแรกที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) มีโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายอย่างเป็นทางการให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ณ ที่ทำการกองทุนหมู่บ้านท้องคุ้ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
“ผมตั้งใจจะมาเยี่ยมชมกองทุนหมู่บ้านฯนานแล้ว แต่เพราะติดภารกิจที่มีมาก ทำให้ไม่มีโอกาสมาเยี่ยมกัน ครั้งนี้ตั้งใจมาดูงาน เพื่อนำไปต่อยอดให้กับกองทุนหมู่บ้านอื่นๆ ผมเองมีเวลาไม่มาก จึงขออาศัยโอกาสนี้ บอกต่อไปยังกองทุนหมู่บ้านอื่นๆ จำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาและยกระดับความเป็นอยู่ของสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน หากติดขัดปัญหาเรื่องใด ให้บอกกับนายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เขาเป็นลูกศิษย์ม แต่เป็นคนเก่ง ฉลาด หัวแหลม ขยันทำงาน…”
นายสมคิดระบุว่า กองทุนหมู่บ้านฯที่มีมากกว่า 7.9 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออกหรือการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจชุมชนในระดับฐานราก ดังนั้น การให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงถึงกันอย่างเป็นระบบ มีการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ สร้างจุดเด่นที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตน สร้างเรื่องราว (สตอรี่) ให้มีความน่าสนใจ รวมถึงสร้างช่องทางการตลาดผ่านเครือข่ายออนไลน์ ในยุคที่ผู้คนคุ้นชินกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต จึงเป็นความสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกัน
ข่าวดีคือ ไม่เพียงหน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใน แต่ยังมีภาคเอกชนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทโตโยต้า กลุ่มบริษัท ปตท. ธนาคารพาณิชย์ บริษัทที่ดำเนินการด้านโลจิสติกส์ ฯลฯ รวมถึงสถาบันการศึกษา และสถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่พร้อมจะเข้ามาร่วมมือและให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยต่ำ ทั้งนี้ หากเกี่ยวเนื่องหรือเชื่อมโยงกับความเป็น “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากๆ เพียง 0.01% เท่านั้น
“กองทุนหมู่บ้านนับเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ จึงต้องการใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาชุมชน เพราะการทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตแท้จริง ต้องมาพัฒนาจากการเติบโตจากภายใน กองทุนหมู่บ้านฯจะต้องไม่โดดเดี่ยว จากนี้จะมีหลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาช่วยกัน ไม่ต้องการให้ชาวบ้านกังวลใจว่าจะถูกบริษัทเอกชนขนาดใหญ่เข้ามาเอาเปรียบชุมชน แต่อยากให้มองว่าเอกชนจะเข้ามาเป็นเครือข่ายรวมกัน เพื่อลดภาระของชาวบ้านหากซื้อต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยหากรวมกลุ่มเป็นกองทุนหมู่บ้านทั้งกว่า 7.9 แห่งทั่วประเทศ เป็นเครือข่ายเดียวกัน เชื่อว่าจะสร้างสร้างกำลังซื้อภายในประเทศได้มากเช่นกัน” รองนายกฯสมคิด ระบุ
จากนั้น นายสมคิด นายรักษ์พงษ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สทบ. และแกนนำกองทุนหมู่บ้านท้องคุ้ง ภายใต้การนำของ นายเซเว่น เสงี่ยมเฉย ปธ.กองทุนฯ เข้าเยี่ยมชมร้านจำหน่ายสินค้าจากสมาชิกกองทุนฯทั้งในพื้นที่และจากต่างพื้นที่ ก่อนจะลงเรือเที่ยวชมบรรยากาศ 2 ฝั่งลำน้ำป่าสัก เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองอยุธยา ระหว่างนั้น นายสมคิดแวะเยี่ยมชมบูธของกลุ่มชาวบ้าน โดยบูธของสมาชิกฯที่ประกอบอาชีพทำมีด “อรัญญิก” ขึ้นชื่อของจังหวัด โดยปราชญ์ชาวบ้านที่ดูแลบูธดังกล่าว ร้องขอให้นายสมคิด ลองจับมีดและใช้มือวัดขนาดความของตัวดาบ จนเกือบสุดปลายดาบ พร้อมกับท่องกลอนคำทำนาย หมายถึง ปราบชัย ภัยนิรันดร์ พลันพินาศ ราชทัณฑ์ วรรณราช ปราบพระนคร ซึ่งเป็นบทกลอนสุดท้ายตรงกับช่วงปลายมือของนายสมคิด ก่อนที่ปราชญ์ชาวบ้านจะแปลความหมาย คือ “บัวพ้นน้ำ” หมายถึง ปราบศัตรูหมู่มารได้หมดสิ้น โดยมีชาวบ้านที่คอยเฝ้าดู ต่างปรบมือให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก.