ลลิลฯลุยปั๊มโครงการแนวราบรับเรียลดีมานด์
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ฯ”เดินหน้าตามแผนเปิด 9-10 โครงการแนวราบ รับเรียลดีมานด์ หลังเริ่มมีสัญญาณดี เข้าสู่การคลายล็อกดาวน์มากขึ้น ชี้ ตลาดอสังหาฯโซนอีอีซี ฟื้นตัวช้า เหตุภาคอุตฯ และ การท่องเที่ยว ถูกกระทบหนัก
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า การประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในเฟสที่ 1 และ 2 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึมลงไปมาก ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และธุรกิจการบิน ประสบปัญหา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดหายไป การปิดสนามบินทำให้เครื่องบินต้องหยุดให้บริการมาอย่างน้อย 2 เดือนกว่า แต่เริ่มมีสัญญาณในด้านดี ภาครัฐ ได้เริ่มคลายล็อกดาวน์ที่มากขึ้น ส่งผลให้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อสังหาฯปรับตัวดีขึ้น ลูกค้ากลับมาเยี่ยมชมโครงการมากขึ้น โดยสนใจที่อยู่อาศัยแนวราบ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย (เรียลดีมานด์)
“วิกฤตโควิด-19 การทำธุรกิจเราต้องแม่น ทีมการตลาดจะต้องลงสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า ทีมงานต้องทำการบ้าน ให้รู้จริง เพื่อนำมาพัฒนาโครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือแม้แต่การบริหารลูกค้า ก็มีทั้งโครงการพร้อมอยู่ และโครงการบ้านสั่งสร้าง ที่จะเหมาะสมกับลูกค้าที่ต้องผ่อนดาวน์ระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดี ในครึ่งปีหลัง ต้องติดตามเรื่องโควิด-19 เป็นหลัก การเปิดประเทศต้องเกิดขึ้น จะหยุดการบินไปตลอดไม่ได้ อย่าลืมว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ได้ด้วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ต้องมอง คือ เปิดแล้ว เรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก”
ในด้านทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง หลังจากในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 5 โครงการแนวราบ มูลค่าโครงการ 3,600 ล้านบาท จากเป้าเปิดทั้งปี 9-10 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป้าการขายปีนี้ คงไว้ที่ 6,200 ล้านบาท ตัวเลขช่วง 5 เดือน สามารถทำได้แล้ว 3,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโซนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยอมรับว่า อสังหาริมทรัพย์กระทบหนักกว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องมาจากเหตุผล 1.ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ หรือแม้แต่ภาคอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาจมีการย้ายฐานการผลิตไป ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการปิดสนามบิน นักท่องเที่ยวที่ลดหายไปกว่า 40% ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“โครงการใหม่ที่จะเปิดในทำเลอีอีซี อาจจะต้องรอประเมินสถานการณ์ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าก่อน เนื่องจากภาคอสังหาฯ ในพื้นที่อ่อนแรงมากที่สุด และคาดว่า การฟื้นตัวจะช้ากว่าภาคอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ”
ล่าสุด บริษัทเปิด 2 โครงการแนวราบใหม่ที่เป็นเรือธงดีไซน์ใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการลลิล ทาวน์ แลนซิโอ คริป บางนา-เทพารักษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-6 ล้านบาท และ โครงการไลโอ บลิสซ์ บางนา-เทพารักษ์ ทาวน์โฮมแบบใหม่ ระดับราคา 1.99 ล้านบาท ติดถนนหลักใจกลางย่านธุรกิจ มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท.