มั่นคงฯเผยธุรกิจเพื่อเช่า-บริการดันรายได้เพิ่ม23%
MK รับฝ่าวิกฤต สิ้นไตรมาสแรกปี63 ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการสร้างรายได้ 143.99 ล้านบาท โตขึ้น 23% ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย ทำรายได้รวม 496.93 ล้านบาท
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ “MK” กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวมจากการขายและบริการได้ 640.92 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 496.93 ล้านบาท โดยมียอดขายเพื่อยื่นขออนุมัติเครดิตเบื้องต้น รวมกับยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) สูงกว่าสิ้นปี 2562 กว่า 40% เป็นผลมาจากแผนการปรับเปลี่ยนแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการมีรายได้เติบโตขึ้นเป็นจำนวนถึง 143.99 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 23% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจไทย ที่มีอัตราชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ผนวกกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีการชะลอ การตัดสินใจซื้อ รวมถึงบางกลุ่มก็มีความสามารถในการซื้อที่ลดลง ดังนั้นในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทฯ จึงมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 496.93 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์แนวราบของไตรมาสนี้ เปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อไตรมาส ภายหลังมาตรการLTV เริ่มมีผลบังคับใช้ในปีที่ผ่านมา มียอดลดลง 18%”
นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤต แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจเช่าและบริการถึง143.99 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 23% โดยรายได้หลักมาจากโครงการ บางกอก ฟรีเทรดโซน ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำนวน 92.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 29.31 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 46.12%
“จะเห็นได้ว่าธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นให้กับกลุ่มบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามแผน การปรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ ในระยะยาว โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นทั้งหมด ไม่รวมการขายที่ดินเปล่าในไตรมาสนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 34% จากเดิม 19.5% และในแผน 5 ปี บริษัทยังคงมุ่งเน้นสร้างสมดุลรายได้ที่มั่นคงนั้น ได้ช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยมีแผนเปิด 2 โครงการแนวราบ เปิดธุรกิจโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟูและเวชศาสตร์ชะลอวัยช่วงปลายปีนี้ รวมถึงแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อให้เป็นตามแผนโครงสร้างรายได้ 5 ปี ปรับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งอยู่ที่ 50/50 ภายในปี64”.