รัฐเร่งตั้ง “กองทุนอุ้มคนตัวเล็ก” เข้าถึงแหล่งเงิน
“สมคิด” เคาะแล้ว! ตั้ง “กองทุนแสนล้าน” ช่วยเหลือ “คนตัวเล็ก” ได้เข้าถึงแหล่งทุน สู้วิกฤตไวรัสโควิด-19 ด้าน “อุตตม” ยอมรับ แงะเอาจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ สั่ง “ปลัดคลัง – ผอ.สศค.” เร่งสรุปก่อนเปิดตัวให้เร็วที่สุด เผย! โลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ธุรกิจท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน ที่เน้นคงการจ้างงานและสร้างงานในท้องถิ่น ต่างยิ้มรับอานิสงส์จาก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ ครั้งนี้
วันที่ 14 พ.ค. 2563 ห้องประชุมวายุภักดิ์ 1 กระทรวงการคลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทบทวนภาวะเศรษฐกิจ พร้อมกับวางมาตรการในระยะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายหลังวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ร่วมกับ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายประสงค์ พูนธเนศ นายนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สํานักงบประมาณ นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมคิด กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า หลังจากช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพอิสระตามมาตรการเยียวยา 5,000 บาท รวมถึง กลุ่มคนทำงานในระบบประกันสังคม และกลุ่มเกษตรกรไปแล้วนั้น การประชุมในครั้งนี้ ได้พูดถึงคนอีกกลุ่ม นั่นคือ ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือ “คนตัวเล็ก” ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุน โดยเฉพาะการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้เหมือนคนกลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยมอบหมายให้ ปลัดกระทรวงการคลังหารือถึงแนวทางการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลคนกลุ่มนี้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและดำเนินการต่อไปได้ โดยเฉพาะสามารถจะคงการจ้างงาน เพื่อให้มีคนตกงานเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตจากคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ระบุว่า แนวโน้มคนตกงานในอนาคตจะมีสูงขึ้น จำเป็นจะต้องเร่งสร้างงานรองรับสถานการณ์ต่อจากนี้ ซึ่งทาง ธปท.ได้แนะนำให้รัฐบาลส่งเสริมด้านการเงินกับวิสาหกิจชุมชนหรือองค์กรระดับท้องถิ่น ที่จะสร้างกิจกรรมในการสร้างงาน สร้างอาชีพในชุมชน
“ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันในการส่งเสริมกิจกรรมที่จะนำไปสู่ การจ้างงานในชุมชนให้มากยิ่งขึ้น เพราะแนวโน้มในอนาคตคนจะตกงานเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันทำงาน แต่ก็ต้องทำให้โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น” นายสมคิด ระบุ
ด้าน นายอุตตม กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลและกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้เข้าไปช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แบ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ 14-15 ล้านคน กลุ่มประกันสังคม 10 ล้านคน และเกษตกรอีก 10 ล้านคน รวมทั้งหมด 35-36 ล้านคน แต่ยังมีคนอีกกลุ่มนี้ ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่ม “คนตัวเล็ก” เช่นที่รองนายกฯสมคิด ได้กล่าวถึง
โดยตนได้สั่งการให้ กระทรวงการคลังและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เร่งดำเนินการและหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจัดตั้งเป็น “กองทุน” ขึ้นมาดูแล ส่วนจะดูแลในลักษณะใดนั้น เช่น ให้เงินอุดหนุนหรือปล่อยสินเชื่ออัตราต่ำ เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งหาข้อสรุป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และจะแถลงข่าวให้ทราบในโอกาสต่อไป
“เราไม่มีข้อมูลของคนตัวเล็กเหล่านี้ แต่จะพยายามลงพื้นที่เพื่อจัดเก็บข้อมูลในทุกๆ ด้าน เพื่อนำมาใช้วางแผนในการช่วยเหลือต่อไป”
นายอุตตม ยอมรับว่า เงินที่จะนำไปใช้ช่วยเหลือ “คนตัวเล็ก” เป็นเงินจากโครงการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยจะเป็นในส่วนของ 5 แสนล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และคาดว่าวงเงินที่จะใช้จัดตั้งกองทุนฯ คงไม่ถึง 1 แสนล้านบาท ส่วนจะรวมถึงความช่วยเหลือภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการคงการจ้างงานหรือไม่นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าคงต้องรวมอยู่ในวงเงินก้อนที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษกิจด้วย ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ธุรกิจท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่โรงแรมเต็มรูปแบบ แต่เป็นในกลุ่มโฮมเสตย์ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แต่ไม่รวมถึงการแก้ไขปัญหาของ บมจ.การบินไทย.