สรรพากรผุดมาตรการภาษีเยียวยาเหยื่อโควิดฯ อีก 6 มาตรการ
สรรพากรออกมาตรการภาษีเยียวยาฯ รอบ 2 อีก 6 มาตรการ ลดผลกระทบจาก COVID-19ตั้งแต่ ยกเว้นภาษีเงินได้จากค่าเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มค่าลดหย่อน เบี้ยประกันสุขภาพ เลื่อนเวลายื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ภ.ง.ด.50/51 เลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีสำหรับกรณีต้องหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการ และยกเว้นภาษีอากร และค่าธรรมเนียมจากการปรับโครงสร้างหนี้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังมีความน่าเป็นห่วงอยู่ ดังนั้น กรมสรรพากรจึงได้ออกมาตรการภาษีเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว เพื่อบรรเทาและแบ่งเบาภาระของผู้เสียภาษีทั้งกลุ่มบุคคลและกลุ่มนิติบุคคล ดังนี้
มาตรการสำหรับกลุ่มบุคคล :
กรมสรรพากรมีมาตรการภาษีสำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ต้านภัย COVID-19 และมาตรการภาษี เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้ดูแลสุขภาพอย่างมีคุณภาพ รวมถึงมาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่
1.มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ทำหน้าที่เฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุม รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID 19 เช่น แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่สืบสวนโรค พนักงานขับรถส่งผู้ป่วย รวมทั้งบุคคลที่มิใช่ข้าราชการหรือข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น โดยเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าตอบแทนเสี่ยงภัยที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุขในปีภาษี 2563
2.มาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ จากเดิมที่สามารถหักลดหย่อนได้ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท เพิ่มเป็นหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท เริ่มตั้งแต่ปีภาษี 2563 เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น และมีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพลดลง
3.มาตรการเลื่อนเวลายื่นแบบและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2562 รอบ 2 โดยกรมสรรพากรได้ออกมาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบฯ เพิ่มเติมอีก 2 เดือน จากสิ้นสุด 30 มิ.ย. เป็น 31 ส.ค.2563 ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาภาระให้แก่ผู้เสียภาษี ที่ก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบฯ ออกไปจากสิ้นสุดเดือนมี.ค. เป็น มิ.ย.2563 แล้ว
มาตรการสำหรับกลุ่มนิติบุคคล :
กรมสรรพากรได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จึงได้มีมาตรการเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้แก่
1.มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเลื่อนการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 จากเดิมที่ต้องยื่นในเดือน เม.ย. ถึง ส.ค.2563 เป็นถึงวันที่ 31 ส.ค. 2563 และเลื่อนการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 จากเดิมที่ต้องยื่นในเดือน ก.ค.ถึงเดือน ก.ย.2563 เป็นถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563
2.มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบและชำระภาษี สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องหยุดกิจการตามคำสั่งของทางราชการ และผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจะได้รับการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีออกไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดต่อไป
3.มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของ เจ้าหนี้ที่มิใช่สถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยเร่งให้การปรับโครงสร้างหนี้ของผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น สามารถฟื้นฟูฐานะและกิจการแล้วประกอบอาชีพ และธุรกิจต่อไปได้
ส่วนทางด้าน เจ้าหนี้และระบบสถาบันการเงินในภาพรวม จะมีต้นทุนลดลงและสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชนและธุรกิจต่างๆ เพิ่มเติมได้ ได้แก่ เจ้าหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด เช่าซื้อ ลีสซิ่ง และเจ้าหนี้อื่นที่ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกับสถาบันการเงิน โดย
1) ยกเว้นภาษีเงินได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ (2) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญให้แก่เจ้าหนี้ ทั้งนี้สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึง 31ธ.ค.2564 รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01
“กรมสรรพากรห่วงในความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง และหวังว่ามาตรการภาษีจะช่วยบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ต่อไป และขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ได้โดยเร็ว” อธิบดีกรมสรรพากร ย้ำ.