ชี้จับกุมแก๊งเงินกู้ฯผุดต่อเนื่อง – หนี้เสียพิโก้รวมพุ่งเกิน 12%
สศค.แจงยอดหนี้เสียเกิน 3 เดือน ณ สิ้นปี’62 พุ่ง 12.71% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสมรวม 2.67 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดผู้ยื่นขอใบอนุญาตสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และพิโกพลัส ม.ค.63 มีรวมกัน 34 ราย เผย ก.คลัง บูรณาการร่วมหน่วยงานภาคี เร่งจัดการเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย ระบุยอดรวมผลการจับกุมผู้กระทำความผิดสะสมนับ ต.ค.59 – ม.ค.63 มีมากถึงเกินครึ่งหมื่นราย
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะ โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการขอได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาว่า พิโกไฟแนนซ์ (ทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ย กำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นใด รวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate)) มียอดสะสมทั้งสิ้น 805 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค. 2562 รวม 23 ราย
และมีผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภท พิโกพลัส (ทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ย กำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นใด รวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate) สำหรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทแรก และสำหรับวงเงินสินเชื่อที่เกินกว่า 50,000 บาทเป็นต้นไป ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี (Effective Rate)) สะสมทั้งสิ้น 33 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค. 2562 รวม 11 ราย
สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ประจำเดือน ม.ค.2563 สรุปได้ ดังนี้
สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2559 จนถึง ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2563 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ ทั้งประเภทพิโกไฟแนนซ์และประเภทพิโกพลัสรวมทั้งสิ้น 1,290 ราย ใน 76 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (112 ราย) กรุงเทพมหานคร (99 ราย) และขอนแก่น (66 ราย) ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีจำนวนนิติบุคคลที่แจ้งคืนคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์รวมทั้งสิ้น 134 ราย ใน 52 จังหวัด จึงคงเหลือจำนวนนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภทสุทธิ 1,156 ราย ใน 75 จังหวัด โดยมีจำนวนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภทสุทธิ 802 ราย ใน 72 จังหวัด (ขอคืนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์จำนวน 19 ราย และขอเปลี่ยนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์เป็นประเภทพิโกพลัส จำนวน 17 ราย)
ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภท ได้แจ้งเปิดดำเนินการแล้ว 676 ราย ใน 69 จังหวัด ซึ่งในเดือน ม.ค.2563 มีจังหวัดที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แจ้งเปิดบริการเพิ่มขึ้น 1 จังหวัด คือ จ.สตูล โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ มีผู้ยื่นคำขออนุญาตสุทธิทั้งสิ้น 1,010 ราย ใน 75 จังหวัด มีผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์สุทธิทั้งสิ้น 769 ราย ใน 72 จังหวัด และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 655 ราย ใน 69 จังหวัด
(2) สินเชื่อประเภทพิโกพลัส มีจำนวนผู้ยื่นคำขออนุญาตสุทธิทั้งสิ้น 146 ราย ใน 54 จังหวัด ประกอบด้วยนิติบุคคลที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์เดิมและเปิดดำเนินการแล้วมายื่นขอเปลี่ยนใบคำขออนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสจำนวน 80 ราย ใน 38 จังหวัด และเป็นนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตใหม่จำนวน 66 ราย ใน 29 จังหวัด โดยมีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัส 33 ราย ใน 19 จังหวัด และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 21 ราย ใน 13 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา (6 ราย) กรุงเทพมหานคร (2 ราย) กาญจนบุรี (2 ราย) สมุทรสาคร (2 ราย) สมุทรปราการ (1 ราย) ปทุมธานี (1 ราย) อุบลราชธานี (1 ราย) ยโสธร (1 ราย) ขอนแก่น (1 ราย) อุดรธานี (1 ราย) ชลบุรี (1 ราย) สงขลา (1 ราย) และอุตรดิตถ์ (1 ราย)
(3) ยอดสินเชื่ออนุมัติสะสมและยอดสินเชื่อคงค้างสะสม
(3.1) ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2562 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 195,086 บัญชี รวมเป็นเงิน 5,229.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 26,806.90 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 97,840 บัญชี เป็นเงิน 2,858.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.66 ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 97,246 บัญชี เป็นเงิน 2,371.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.34 ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม
(3.2) ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2562 มียอดสินเชื่อคงค้างสะสมรวมจำนวนทั้งสิ้น 99,896 บัญชี คิดเป็นเงิน 2,674.99 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1 – 3 เดือน สะสมรวม 12,514 บัญชี หรือคิดเป็นเงิน 358.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.41 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) สะสมรวม 12,311 บัญชี หรือคิดเป็น 340.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.71 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม
สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบทดแทนหนี้นอกระบบรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ม.ค.2563 มีการอนุมัติสินเชื่อสะสมรวม 624,010 ราย เป็นเงิน 27,364.82 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 578,247 ราย เป็นเงิน 25,390.72 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติให้กับผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ 45,763 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,974.10 ล้านบาท
ส่วนการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดสะสมนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นเดือน ม.ค.2563 มีทั้งสิ้น 5,350 คน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องใน 5 มิติ ได้แก่ (1) ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย (2) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ย (4) เพิ่มศักยภาพลูกหนี้นอกระบบ และ (5) สนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชน ซึ่งประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th
รวมถึงสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่ • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599 • ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1155 • ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 • ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) โทร 0 2575 3344.