GOLD รุกแนวราบผุด 19 โครงการมูลค่า 2.5 หมื่นลบ.
เครือโกลเด้นแลนด์ ลดความร้อนแรงเปิดโครงการใหม่ปี 63 เปิด 19 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มแนวราบ วางเป้าลงทุนซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ซื้อคอนโดฯขาดสภาพคล่อง ต่อยอดตลาดอาคารชุด
นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด เครือบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบ โดยจะเปิดบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม จำนวน 19 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีการเปิดตัวโครงการ 22 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์จับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง หรือ เรียลดีมานด์ โดยวางระดับราคาสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะกับกำลังซื้อ โครงการทาวน์โฮม 2-5 ล้านบาท โครงการบ้านแฝด5-8 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคาที่ 8-15 ล้านบาท สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดิน จำนวน 17 แปลง
สำหรับเป้าธุรกิจในปีนี้ วางยอดขายไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายรวม 32,567 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ที่ 19,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2562 ที่17,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบในปี 2563 หลักๆจะมาจากสินค้าประเภททาวน์โฮม จำนวน 8,800 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของรายได้รวม และรายได้จากต่างจังหวัด 2,200 ล้านบาท อีก 2,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากอื่นๆ เช่น ค่าเช่า เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะต่อยอดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากที่ดินนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองยังมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทมองทางเลือกในการซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการรายอื่นทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเข้ามาบริหารและขายต่อ เนื่องจากตลาดชะลอตัวลงอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไปในช่วงที่ผ่านมา ประสบปัญหากับการขายและประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยรูปแบบของการศึกษา จะมีทั้งเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วยังมียูนิตเหลือขาย หรือโครงการที่ขายไปบางส่วนและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ต้องผ่าน EIA แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการขอใบอนุญาต ต้องมีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด อยู่ในทำเลที่ดี ตอบโจทย์คนเมืองระดับราคาขาย 1.5-2 แสนบาทต่อตร.ม.มีกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% โดยบริษัทวางงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเจรจาเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2563
“วิธีการซื้อโครงการคอนโดมิเนียม ถือเป็นทางลัดโดยไม่ต้องเริ่มต้นซื้อที่ดิน ขอEIA และสามารถรับรู้รายได้ ได้ทันที อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อพัมนาโครงการคอนโดมิเนียมเองในอนาคตด้วย ซึ่งเราก็ต้องพิจารณาทั้ง 2 ทางเลือกไปพร้อมๆกัน เพื่อเป็นการทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบริษัทมีสินค้าครบวงจร คาดว่า สัดส่วนรายได้จากคอนโดจะขยับขึ้น 10-20% ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของตลาดคอนโดมิเนียมแล้ว”.