กบข.คว้า 2 รางวัลระดับชาติ-อาเซียน
กบข. คว้า 2 รางวัล ระดับประเทศและอาเซียน ตอกย้ำความสำเร็จจากผลงานการผลักดันธรรมาภิบาลในตลาดทุนผ่าน ESG Investment พ่วงเปลี่ยนยุทธศาสตร์การสื่อสารให้สมาชิกเป็นศูนย์กลาง
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กบข.ได้รับคัดเลือกจาก Asia Asset Management วารสารชั้นนำด้านการบริหารสินทรัพย์และการลงทุนของภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ถึงการสร้างผลงานในปี 2562 โดยชนะเลิศใน 2 รางวัลใหญ่ ทั้งในระดับประเทศ และระดับอาเซียน
“ความคิดริเริ่มและผลงานที่เด่นชัดด้านการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล หรือ ESG Investment และเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวเรื่องนี้ในตลาดทุนไทย ทำให้ กบข. ได้รับรางวัล Best ESG Strategy (Thailand) ขณะที่ผลงานด้านสื่อสารสมาชิกถือว่าโดดเด่นที่สุดในอาเซียน จนทำให้ได้รับรางวัล Best Pension Fund for Member Communications (ASEAN) นับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่ง ทำให้สมาชิกเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า กบข. ดำเนินกลยุทธ์บริหารองค์กรและสื่อสารสมาชิกได้เป็นอย่างดี มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน” เลขาธิการ กบข. ระบุ
สำหรับผลงานเด่นด้าน ESG ที่ถือเป็นความสำเร็จระดับประเทศ คือ การริเริ่มและผลักดันให้นักลงทุนสถาบันไทย 32 ราย ลงนามความร่วมมือกำหนดแนวปฏิบัติการระงับลงทุนในกิจการที่มีปัญหาธรรมาภิบาล เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักและส่งเสริมธรรมาภิบาลการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศ รวมถึงการจัดตั้ง ESG-focused portfolio สำหรับหุ้นไทย และการนำปัจจัย ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกผู้จัดการกองทุน เป็นต้น
ส่วนผลงานด้านสมาชิกที่ทำให้ กบข. ได้รับรางวัลระดับภูมิภาค นายวิทัย ระบุว่า ปีที่ผ่านมา กบข. ได้ปฏิวัติรูปแบบการสื่อสารเข้าสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มภายใต้ยุทธศาสตร์ “สมาชิกคือศูนย์กลาง” (Member Centric) โดยมี My GPF Application เป็นแพลตฟอร์มหลักในการสื่อสารและให้บริการสมาชิกครบวงจร นับแต่วันแรกที่เป็นสมาชิก กบข. จนสิ้นสมาชิกภาพ (End-to-End) สมาชิกสามารถใช้บริการทุกอย่างได้สะดวกรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชั่นดังกล่าว อาทิ การบริหารจัดการบัญชี การเลือกแผนการลงทุน การเพิ่มสัดส่วนการออม และ การกดรับสิทธิพิเศษส่วนลดสวัสดิการและส่วนลดร้านค้า โดยปีที่ผ่านมามียอดกดใช้บริการทุกเมนูรวมกันถึงกว่า 14 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 535 เมื่อเทียบกับปี 2561 และยอดกดรับสิทธิผ่านเมนูสิทธิพิเศษกว่า 480,000 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 545 เมื่อเทียบกับปี 2561 เป็นต้น.