ติดปีก’CROWN’รุกรับสร้างบ้านเจาะตลาดหัวเมืองใหญ่
แซมพ์ บิลเดอร์ ติดปีก “คราวน์” หวังต่อยอดธุรกิจรับสร้างบ้าน ลุยบ้านระดับราคา 3 ล้านบาทอัพ พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า ตั้งเป้าปีแรกที่ 500 ล้านบาท ยอดทำสัญญา 375 ล้านบาท
นายพิสิษฐ์ เจียราภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซมพ์ ไอคอน ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2563 ว่า สถิติจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดการณ์จะมีมูลค่าประมาณ 13,000 – 13,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 7% โดยบ้านระดับ 3 – 10 ล้านบาท ยังเป็นตัวนำตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล ในขณะที่มีการขยายตัวไปสู่ต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ เช่น อยุธยา อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ ขณะเดียวกัน คราวน์ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค พบว่า กลุ่มลูกค้าจะใช้เงินออมหรือเงินสดในการสร้างบ้าน เฉลี่ยประมาณ 65% ส่วนที่เหลือ 35% จะเป็นลูกค้าที่ขอสินเชื่อหรือกู้ยืมธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งจากการสำรวจตลาดยังพบว่า บ้านในระดับ 3 – 5 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่ลูกค้าส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณไว้สำหรับการสร้างบ้านเพื่อการอยู่อาศัย
ดังนั้น จากเดิมที่ บริษัท แซมพ์ บิลเดอร์ ภายใต้ แซมพ์ ไอคอน ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ที่มุ่งเน้นสร้างบ้าน สร้างอาคารทุกประเภท ซึ่งมีฐานลูกค้าที่นิยมสร้างบ้านในระดับแสนปลายถึง 2.5 ล้าน ขณะเดียวกันลูกค้าก็มีความต้องการบ้านในขนาดใหญ่ขึ้น ในระดับที่หรูหรามากขึ้น บริษัทฯจึงวางแผนขยายฐานลูกค้าเพื่อรองรับกับความต้องการดังกล่าว ไปยังกลุ่มขนาดกลางและใหญ่ โดยได้เปิดตัวบริษัทรับสร้างบ้านในเครือขึ้นมาภายใต้ชื่อ “CROWN” (คราวน์) มารองรับความต้องการของลูกค้า โดยมองว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของเศรษฐกิจไทย โอกาสของธุรกิจรับสร้างบ้านที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้ คือ การขยายตัวของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม (สายสีส้ม สีชมพู สีเหลือง) ในทางกลับกับ ต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นก็เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน CROWN มีศูนย์รับสร้างบ้าน 3 สาขาด้วยกัน ได้แก่ อ่อนนุช กัลปพฤกษ์ และชลบุรี และภายในปีนี้ จะเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เพื่อเป็นแผนการรองรับการขยายตัวของธุรกิจรับสร้างบ้านไปสู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ขยายฐานลูกค้าในตลาดระดับราคา 3-10 ล้านบาท ส่วนงบการลงทุนโดยรวมที่วางไว้ในปีนี้ ประมาณ 20 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการตลาดประมาณ 50% และงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผ่านเครื่องมือสื่อสารทั้ง online และ offline ประมาณ 50% ขณะเดียวกัน ก็ตั้งเป้าว่าในปีนี้ทั้ง 2 บริษัทจะมียอดจองซื้อรวม 750 ล้านบาท หรือมียอดทำสัญญารวม 500 ล้านบาท เติบโต 400% จากปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดจองซื้อจากคราวน์ 500 ล้านบาท และมีเป็นยอดทำสัญญาก่อสร้าง 375 ล้านบาท และเป็นยอดจองซื้อ จากแซมพ์ฯ 250 ล้านบาท และมียอดทำสัญญาก่อสร้าง 125 ล้านบาท.