‘แคปปิตอล วัน’ เร่งปั๊มบริหารโครงการโต 40% ดันยอดขาย
บอสใหญ่ “แคปปิตอล วัน” ชี้การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ต้องรอปัจจัยบวกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งขยายพอร์ตบริหารโครงการให้เติบโต 40% หรือเพิ่มขึ้นอีก 7-10 โครงการ หวังผลักดันยอดขายโตขึ้น 10% ทุ่ม 100 ล้านบาท ดึงเทคฯ-นวัตกรรมการขายระดับโลกจากสหรัฐฯ มาขยายฐานตลาดบ้านมือสองในไทย
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า มีแนวโน้มเติบโตแต่เป็นลักษณะคงที่ เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน อันเป็นสืบเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งผลกระทบแม้จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯได้รับผลกระทบ แต่ดูเหมือนเศรษฐกิจของประเทศจีนได้รับผลรุนแรงกว่าทางสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทยังคงแข็งค่า ส่งผลให้ภาคการส่งออกยังคงชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศไทย
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ยังคงต้องลุ้น ปัจจัยบวกที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้มีอัตราการฟื้นตัว ภาครัฐควรเข้ามาแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทอย่างจริงจัง ขณะที่ภาคอสังหาฯบรรยากาศจะพอดีขึ้น หลังแบงก์ชาติ ได้ทบทวนเกณฑ์ LTV แต่สิ่งที่ต้องดูคือ แบงก์จะปล่อยสินเชื่อจากการคาดหวังของแบงก์ชาติหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบัน หนี้ครัวเรือนสูง ทำให้แบงก์ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่ออยู่ ดังนั้น ทางการควรเข้ามาแทรกแซงเรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ควรปรับระบบกลไกการเงินให้มีความเหมาะสม ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่แบงก์ของรัฐ แต่ควรส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์มีส่วนร่วมในการปล่อยสินเชื่อ”
ในส่วนทิศทางธุรกิจของบริษัท แคปปิตอล วันฯ กล่าวว่าในปีนี้ จะมีเพิ่มจำนวนโครงการที่จะเข้าไปรับบริหารประมาณ 7-10 โครงการ หรือขยายตัวเพิ่ม 40% มูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของโครงการ จะเข้ามาผลักดันในเรื่องของยอดขายและรายได้ให้เติบโตขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 10% ปัจจุบันมีโครงการที่บริหารการขายอยู่ 15 โครงการ สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2562 สรุปได้ว่า สามารถสร้างยอดขายมูลค่ากว่า 9,000-10,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของคนไทยเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ลูกค้าต่างชาติลดลง 50% ซึ่งในปกติในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทจะมีสัดส่วนการขายต่างชาติอยู่ที่ 40% และคนไทยมากถึง 60% เพราะฉะนั้นในปี2562ที่ผ่านมา สัดส่วนไม่ได้ลดลงมาก เพราะมีลูกค้าคนไทยเข้ามาทดแทนในส่วนของลูกค้าต่างชาติที่ขาดหายไป
นายวิทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท KW Thailand กล่าวว่า ตนได้ร่วมลงนามสัญญากับบริษัท Keller Williams หรือ (KW) จัดตั้ง บริษัท KW Thailand แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยมูลค่าความร่วมมือตามแผนสัญญาระยะยาว 20 ปี(+ได้ 20 ปี) ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยบริษัท KW เป็นบริษัทอสังหาฯที่มีการเติบโตสูงมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในสหรัฐฯ มีมูลค่าการขายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาฯที่มีนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนอย่างแท้จริง และมีระบบผลตอบแทน แบบ Passive Income (การให้เงินทำงานแทนตัวเอง) สามารถทำให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัท มีรายได้ที่ไม่มีข้อจำกัดตามความสามารถ.