AWC ดึง ‘อินเตอร์คอน’ บริหาร 5 โรงแรมกว่า 1,200 ห้อง
“แอสเสท เวิรด์ฯ” ดึงกลุ่มแบรนด์โรงแรมดัง “อินเตอร์คอนติเนนตัล” ร่วมพัฒนาโรงแรม ทั้งในรูปแบบการปรับโฉมและพัฒนาโรงแรมใหม่ รวมกว่า 1,200 ห้อง นำร่องโรงแรม “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” ดันมูลค่าลงทุนเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาเพื่อให้อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ IHG หนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงแรมชั้นนำระดับโลก บริหารโรงแรมในเครือ AWC โดยในเบื้องต้นประมาณ 5 แห่ง จำนวน 1,200 ห้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเลือกโรงแรมที่จะให้ IHG บริหาร ทั้งโรงแรมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาใหม่ อาทิ โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่, พัทยา, เชียงราย, หัวหิน, ย่านไชน่าทาวน์, เจริญกรุง, ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และบางนา โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากเซ็นสัญญาเลือกแบรนด์ในเครือ IHG เข้าบริหารโรงแรมในเครือ AWC
“เราเชื่อว่า การให้ IHG ที่มีเชนโรงแรมระดับโลกที่มีบริษัทในเครือกว่า 16 เชน และมีเครือข่ายโรงแรมอยู่ทั่วโลก จะทำให้โรงแรมในเครือ AWC เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่ดี ส่วนการเลือกเชนที่จะมาบริหารในโรงแรมแต่ละแห่งนั้น จะเลือกจาก ศักยภาพของที่ตั้ง ทำเล คอนเซ็ปต์ ไลฟ์สไตล์ ฐานลูกค้าเป้าหมาย ราคาตอบโจทย์”
สำหรับโรงแรมแรกที่ได้ให้ IHG บริหาร ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง (เดิมชื่อ อิมพีเรียล เชียงใหม่) ที่วางคอนเซ็ปต์ใหม่ให้โรงแรมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกของไทย รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ และการประชุมในระดับระหว่างประเทศในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการเติบโตถึง 250% ในระหว่างปี56-61 พื้นที่รวมของโรงแรมอยู่บนเนื้อที่ 6 ไร่เศษ มีจำนวน 371 ห้องพัก ล่าสุดได้ปรับปรุงขนาดห้องพักใหม่ให้ได้มาตฐานของอินเตอร์คอนติเนนตัล จากขนาดห้อง 22 ตร.ม.ราคาห้องเฉลี่ย 1,000 กว่าบาท/คืน เป็นขนาดห้อง 45 ตร.ม. ราคาห้องเฉลี่ย 6,000 บาท/คืน และได้ก่อสร้างในส่วนของวิลล่าเพิ่ม ทำให้มีห้องพัก 306 ห้องพัก และเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็น “ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” ทำให้มูลค่าโรงแรมเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท กำหนดเปิดให้บริการในปี64 และเปิดบริการในส่วนขยายทั้งหมดในปี65 โดยคาดอัตราการเข้าพัก (OCC) ในปีแรกกว่า 60% และเพิ่มเป็น 80% ในอนาคต อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนระดับ 12%
นอกจากนี้ ยังได้ขยายพื้นที่ของห้องจัดเลี้ยงเพิ่มจาก 1,500 ตร.ม.เป็น 3,600 ตร.ม.เพื่อตอบรับนักเดินทางที่ต้องการไปพักผ่อนและกลุ่มไมซ์ (MICE) ซึ่งหลังการขยายพื้นที่ของสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 16 ล้านคนในปี 2565 และสนามบินแห่งที่ 2 ในเขตอำเภอสันกำแพง คาดเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10 ล้านคนต่อปี .