‘ออริจิ้นฯ’ ทุ่มหมื่นล.สร้างโครงการ-ซื้อที่ดินรับอสังหาฯ พลิกฟื้น
“ออริจิ้น”ประเมินอสังหาฯปีหนูทอง จะกลับมาพลิกฟื้นได้ หลังปี62 ตลาดหดตัวมากถึง 15% ทุ่มงบ 10,000 ลบ.ลุยสร้างคอนโด บ้านจัดสรร จัดซื้อที่ดินรับการพัฒนาโครงการใหม่ วางเป้ายอดขายปีนี้กว่า 30,000 ลบ.
ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้วิเคราะห์ภาพรวมจะขยายตัวไม่เกิน 5% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตในระดับที่ต่ำกว่าแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบอยู่ในช่วงขาลง ประกอบกับมาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในสถานการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าในปี 2563 ผู้ประกอบการยังคงต้องให้ความสำคัญ กับการบริหารสินค้าที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จรอการขาย (Inventory) เพื่อให้ความต้องการซื้อไม่ค้างอยู่มากเกินไป ซึ่งภาพรวมทั่วประเทศครึ่งแรกปี 63 คาดว่ามีที่อยู่อาศัยเหลือขาย 245,371 หน่วย
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เผยเชื่อว่า ภาพรวมอสังหาปี 2563 ยังคงเดินหน้าต่อได้ จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง รวมถึงโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” จะช่วยกระตุ้นยอดขายต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ คาดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมผ่านพ้นช่วงจุดต่ำสุดไปได้
ขณะที่กลยุทธ์การดำเนินงานในปี 63 บริษัทออริจิ้นฯ มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เน้นแนวคิดความเข้าใจลูกค้าเป็นแกนหลักในการออกแบบสินค้า และงานบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการ แล้วใช้ Big Data มาวิเคราะห์จากการจัดเก็บข้อมูล บริหารข้อมูล และเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ที่จะเข้าถึงลูกค้าด้วยวิธีไหน ส่งข้อมูลอะไรให้ลูกค้าเข้าใจในสินค้าเร็วที่สุด ทำให้วันนี้เราได้เข้าใจถึงผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม แต่ละระดับว่าควรจะเข้าถึงแบบไหนและรูปแบบอะไร
สำหรับงบลงทุน ได้วางตัวเลขไว้ราว 10,000 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการก่อสร้างคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร รวมถึงใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆต่อเนื่อง และคาดว่าจะใช้งบเพิ่มเติมในการลงทุนโครงการโรงแรมราว 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 63 บริษัทจะเปิดบริการโรงแรมใหม่ได้ 2 แห่งในช่วงเดือน ม.ค. คือ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ และ โรงแรมไอบิส และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี
“ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 30,000 ล้านบาทหรือมากกว่า ตามการเปิดโครงการใหม่ โดยในปีหน้ามีแผนจะเปิดโครงการมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 29,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีสร้างความเเตกต่างจากอุตสาหกรรม เพื่อตอบรับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 ประเมินว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ หลังจากปีนี้ที่หดตัวมากถึง 15% แล้ว”
ขณะที่ความคืบหน้าการนำบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดหวังที่จะนำในช่วงปลายปี 63 ส่วนผลการดำเนินในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 350 ล้านบาท และประเมินว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง.