บลูสกายฯ เนรมิตที่ดิน 10 ไร่ผุดคอนโดฯ มูลค่ากว่า 5 พันล.
เมืองพัทยา เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีการลงทุนทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากพัทยาได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา มีทิศทางที่ดี โดยได้รับอานิสงส์จากความชัดเจนและการลงทุนโครงการต่างๆ ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ทำให้มีผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ ก็เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความต้องการที่อยู่อาศัยเข้ามาอย่างต่อเนื่องตลอดทุกๆปี โดยราคาที่ดิน เฉพาะทำเลนาจอมเทียน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว ที่ดินติดริมชายหาดในอดีต ราคาไม่ถึง 100,000 บาทต่อตารางวา ปัจจุบันได้ขยับไปสู่ระดับ 300,000 บาทต่อตารางวา”
นายทศพร ศักดิ์สงวนมนูญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูสกาย แอสเสทพลัส จำกัด ในเครือกลุ่มบลูสกาย กล่าว ทั้งนี้ ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบลูสกาย ได้มีการพัฒนาโครงการในพัทยามาแล้ว 5 โครงการ ซึ่งแสดงว่าการแข่งขันไม่สูงเท่ากับในพื้นที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน
ซึ่งแต่ละโครงการของกลุ่มที่ลงทุนและเปิดการขาย ล้วนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากจะทราบความต้องการของลูกค้าว่าต้องการที่อยู่อาศัยแบบใด จึงสามารถพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โดยแผนลงทุนยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 จะพัฒนาอีกอย่างน้อย 1 โครงการ มีที่ดินรองรับแล้วประมาณ 10 ไร่ ในทำเลนาจอมเทียน ใกล้กับโครงการ “แกรนด์ ฟลอลิดา บีชฟ้อนต์ คอนโดฯ พัทยา” ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ คาดเมื่อได้ข้อสรุปจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
สำหรับความคืบหน้าโครงการ “แกรนด์ ฟลอลิดา บีชฟ้อนต์ คอนโดฯ พัทยา” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ ริมทะเลนาจอมเทียน ระหว่างนาจอมเทียน 14 และ 18 พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม พร้อมกับห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ สูง 7 ชั้น จำนวน 8 อาคาร และสูง 5 ชั้น 1 จำนวน 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 36-122 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายเริ่มต้นที่ 4-18 ล้านบาท จำนวน 1,056 ยูนิต มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปกว่า 80% แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าชาวไทย 75% และต่างชาติ 25% ในจำนวนดังกล่าวเป็นลูกค้าชาวจีนมากสุด รองลงมาเป็นรัสเซีย โดยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (รอบVIP) และวันที่ 7 ธันวาคม 2562 (รอบลูกค้าทั่วไป) คาดว่าจำนวนยูนิตที่เหลือจะสามารถปิดการขายได้ภายในกลางปี 2563
“โครงการนี้เปิดพรีเซลเมื่อประมาณปี 2560 จนถึงปัจจุบันได้ปรับราคาขายขึ้นมา 40-50% แล้ว และลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่ซื้อจริง ไม่มีปัญหาเรื่องมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) แต่อย่างใด เพราะเราให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 35% ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ในปลายเดือนมกราคม 2563 นี้”.