หวั่นคนจนล้นประเทศแห่ลงทะเบียนรัฐ
“อภิศักดิ์” ย้ำจะต้องมีการลงทะเบียนคนจนทุกปี เพื่อตรวจสอบคนจนมีเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งบ่งบอกถึงสถานะประเทศดีหรือแย่ลง มั่นใจเดือนต.ค.นี้ ดีเดย์แจกสวัสดิการคนจนได้แน่นอน
“ผ่านพ้นมาแล้ว ครึ่งทาง ซึ่งล่าสุดมียอดประชาชนมาลงทะเบียนขอรับสวัสดิการแล้ว 8 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้ว และยังเหลือระยะเวลาจนถึงวันที่ 15 พ.ค.นี้ ถึงจะปิดการลงทะเบียน” นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าว เมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 ในงานสัมมนา “e-Payment นำไทยสู่ทศวรรษใหม่ Cashless Society” จัดโดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถ.รัชดาภิเษก
รมว.คลัง กล่าวว่า ในช่วงต้นเดือนต.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ2561 กระทรวงการคลังจะแจกบัตรที่มีชิปการ์ด ให้แก่ประชาชนที่ได้รับสวัสดิการจากรัฐ หลังจากที่ได้ลงทะเบียนโครงการขอรับสวัสดิการจากรัฐ ไปแล้วระหว่างวันที่ 3 เม.ย.-15 พ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังยังไม่ทราบจำนวนที่ผ่านเกณฑ์การขอรับสวัสดิการที่ชัดเจน แต่ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 27 เม.ย.60 ยอดลงทะเบียนทะลุ 8.5 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว
“เราคาดว่า จะใช้งบประมาณไม่เกิน 30,000 ล้านบาท เพื่อมอบสวัสดิการให้แก่ประชาชน โดยผู้ที่ถือบัตรจะรับสวัสดิการหลายอย่าง ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่จะได้รับสิทธิแน่นอนคือ รถเมล์ รถไฟ ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า ฟรี ซึ่งเป็นมาตรการเดิมที่รัฐบาลมอบให้แก่ประชาชนอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้ จะไม่ได้ฟรีกันทุกคนเพราะคนที่จะได้รับสิทธิ์คือ คนที่มีบัตรเท่านั้น”
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อการลงทะเบียนเสร็จสิ้นในวันที่ 15 พ.ค. ก็คงใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสิทธิ์อีกประมาณ 2-3 เดือน และในระหว่างนี้ กระทรวงการคลังก็จะนำสวัสดิการต่างๆ มาศึกษาความเป็นไปได้ เช่น การรับส่วนลดค่ารถไฟฟ้า การรับสิทธิการทำประกันอุบัติเหตุ หรือรับส่วนลดจากการซื้อสินค้าที่เป็นปัจจัยต่อการดำรงชีพจากร้านธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ผงซักผ้า สบู่ ยาสีฟัน กะปิและน้ำปลา เป็นต้น ซึ่งขายในราคาถูกอยู่แล้วก็จะถูกพิเศษลงไปอีก ด้วยการเติมเงินเข้าไปบัตรชิปการ์ดใบละ 100 บาท เป็นต้น
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่าในหลักการของโครงการนี้เมื่อประชาชนไม่ได้รับสิทธิ์ในสวัสดิการทุกคน รัฐบาลก็จะมีเงินเหลือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้วงเงินเดิมที่ใช้ไปในเรื่องรถเมล์ รถไฟฟรีอยู่ในเพดานเท่าเดิมคือ 30,000 ล้านบาท แต่ยังสามารถเพิ่มเติมสวัสดิการอื่นๆ ให้มากขึ้นได้อีก ซึ่งอาจจะ 6-8 รายการ หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะสวัสดิการบางอย่างเป็นการมอบส่วน ลดพิเศษไม่ใช่มอบเป็นเงินสด หรือบริการฟรี
“สิ่งที่เป็นห่วงตองนี้ คือ การมีประชาชนมาลงทะเบียนมากๆ ก็แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีคนจนเยอะ ซึ่งขณะนี้ คาดว่า จะมียอดลงทะเบียนประมาณ 10 ล้านคน ลดลงจากเดิมที่คาดว่า มีประมาณ 14 ล้านคน ซึ่งผมต้องการเห็นตัวเลขคนจนที่ลดลงทุกปี เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและหลุดพ้นความยากจนซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยจะเปิดให้มีการลงทะเบียนทุกๆ ปี แต่ในกรณีที่มีคนลงทะเบียนมากขึ้นก็แสดงว่า เศรษฐกิจแย่ มีความคนจนมากขึ้น”
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการลงทะเบียนขอรับสวัสดิการจากรัฐปีที่แล้ว เป็นครั้งแรก โดยมีประชาชนที่มีรายได้น้อยลงทะเบียนประมาณ 8.3 ล้านคน และภายหลังจากการตรวจสอบสิทธิ์ลดลงเหลือ 7.2 ล้านคน.