คปภ.ถกบิ๊กประกันชีวิตรับมือ IFRS 17
คปภ. ดึง “บิ๊กประกันชีวิต” ร่วมถึงบนเวที Board Forum 2019 รับมือมาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 พร้อมบูรณาการความมือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย หวังก่อประโยชน์สูงสุดต่อระบบประกันภัยของไทยและคนไทย
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวถึงการจัดสัมมนากรรมการบริษัทประกันภัย ประจำปี 62 (Board Forum 2019) ต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 3 ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวทีสื่อสารทิศทางและนโยบายการพัฒนาธุรกิจประกันภัยไทย และสร้างความตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของคณะกรรมการบริษัทประกันภัย เพื่อร่วมกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย (Corporate Governance) รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ แสดงถึงศักยภาพและความร่วมมือพัฒนาธุรกิจประกันภัยร่วมกัน ซึ่งปีนี้จัด 2 วัน คือ วันที่ 3 ธ.ค.62 เป็นเวทีสัมมนากรรมการบริษัทประกันชีวิต และวันที่ 17 ธ.ค.62 เป็นเวทีสัมมนากรรมการบริษัทประกันวินาศภัย ภายใต้หัวข้อ “IFRS 17 and the Roles of Board of Directors” ณ ห้อง Ballroom 3 ชั้น 4 โรงแรม Conrad Bangkok
โดยการสัมมนากรรมการบริษัทประกันชีวิต มีกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันชีวิตให้ความสนใจเข้าสัมมนาร่วมกับผู้บริหารของ สำนักงาน คปภ. กว่า 120 คน ซึ่งสำนักงาน คปภ. ทำงานร่วมกับที่ปรึกษา บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินการบัญชีและธุรกิจประกันภัย และจากที่ สำนักงาน คปภ. ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบในเบื้องต้นจาก IFRS 17 ที่มีต่อธุรกิจประกันภัย โดยสรุปมี 3 ด้านหลักๆ คือ
- ด้านระบบและกระบวนการดำเนินงานของหน่วยงานหลัก เนื่องจากIFRS17 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวปฏิบัติทางบัญชีและการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยเป็นอย่างมาก ซึ่งข้อกำหนดของมาตรฐานต้องคำนวณข้อมูลที่มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น บริษัทประกันชีวิตจำเป็นต้องยกระดับการเก็บข้อมูล การรักษาข้อมูล และการพัฒนาโมเดลการคำนวณที่มีพื้นฐานในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อหา Best Estimate Liabilities (BEL) , Risk Adjustment (RA) และ Contractual Service Margin (CSM)
- ด้านบุคลากรของธุรกิจประกันภัย มาตรฐานฉบับใหม่มีการสร้างโมเดล การคำนวณทางคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งนักคณิตศาสตร์ประกันภัยจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องงบการเงิน ขณะเดียวกันนักบัญชีก็ไม่สามารถอธิบายสมมุติฐานที่อยู่เบื้องหลังของตัวเลขในงบการเงินได้ ดังนั้น การสื่อสารและบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่แผนกการเงินการบัญชีและนักคณิตศาสตร์ประกันภัย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะภายใต้มาตรฐานIFRS17 กำไรและขาดทุนส่วนใหญ่มาจากการคำนวณของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหาตัวเลขในงบการเงิน ส่วนนักบัญชีจะเป็นผู้รวมรวบข้อมูลทางการเงิน บริษัทประกันภัยจะต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนใด
- ด้านต้นทุน โดยมาตรฐานIFRS17 กำหนดให้บริษัทประกันภัยรวบรวมข้อมูลใหม่และเปลี่ยนแปลงระบบทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อมูลและจัดทำรายงานทางการเงินตามข้อกำหนด ดังนั้น การนำมาตรฐานฉบับนี้มาใช้ บริษัทประกันภัยต้องใช้เวลา ความพยายาม ต้นทุนด้านการเก็บข้อมูล (Data) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT systems) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ซึ่งต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจะแตกต่างกันในแต่ละบริษัทอีกด้วย
ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันชีวิต จะมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง และนโยบาย รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 ในเรื่องการปรับปรุงระบบงานและการพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังมีคณะทำงานฯ ที่จะติดตามประเด็น ปัญหา อุปสรรค และจะหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากลต่อไป
ด้าน นางนุสรา อัสสกุล บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า การสัมมนาผ่านเวที Board Forum ครั้งนี้ ทำให้ผู้บริหารของบริษัทประกันชีวิตได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นว่า สำนักงาน คปภ. มีความเข้าใจและห่วงใยต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัยอย่างลึกซึ้ง อีกทั้ง ยังมีแนวคิดหาโซลูชั่นอื่นๆ มาเป็นตัวช่วยให้กับภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อรับผลกระทบจาก IFRS 17 น้อยที่สุดอีกด้วย ทำให้ผู้ประกอบการไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในท่ามกลางกฎกติกาสากลด้านมาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 ที่จะถูกนำมาบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้น ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย จึงขอขอบคุณ สำนักงาน คปภ. เป็นอย่างมาก และจะร่วมมือกับ สำนักงาน คปภ. เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยตามมาตรฐานสากล
“แม้ว่าการกำกับตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 (IFRS 17) จะไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของ คปภ. แต่เมื่อมีผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลฯ จะบูรณาการเตรียมความพร้อมรับมือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบประกันภัยของไทย และคนไทย” เลขาธิการ คปภ. กล่าวสรุป.