สศค.เล็งแจกเงินคนชราเดือนละ 1,500 บาท
สศค.เสนอคลังตั้งกองทุนช่วยเหลือคนชรา ลุ้นรับเงินเพิ่มอีก 100 บาท จากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็น 700 บาท ย้ำอยากเห็นคนชราจนที่สุดของประเทศมีรายได้จากรัฐเดือนละ 1,200-1,500 บาท
“ คนชราที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย สมควรที่จะมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 1,200-1,500 บาท เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในปัจจุบัน ” นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงแนวคิดของ สศค.ที่จะดูผู้สูงอายุในประเทศไทย
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ เราจะเสนอกระทรวงการคลังจัดกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนชรา โดยจะนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตที่เก็บจากเหล้าและบุหรี่ (ภาษีบาป) ซึ่งในปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้มอบเงินอุดหนุนให้แก่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปีละ 2% ของรายได้จากการจัดเก็บภาษีบาป
ขณะที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติก็ได้รับเงินจากภาษีบาปปีละ 2% แต่ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
“ แนวความคิดของ สศค.คือ จะขอส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากภาษีบาปที่กรมสรรพสามิตมอบให้แก่ สสส. ไทยพีบีเอสและกองทุนพัฒนาการกีฬา ปีละไม่เกิน 2,000 ล้านบาทไปจัดตั้งเป็นกองทุนฯ เพื่อมอบให้แก่คนชรา 8 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือเติมอีกคนละ 100 บาทต่อเดือน จากที่ได้รับเงินเดือนละ 600 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 700 บาท ”
แต่เงินที่เพิ่มอีก 100 บาทต่อเดือน ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะรายได้ของคนชราที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 1,200-1,500 บาทต่อเดือน ดังนั้น สศค.จึงต้องวางแผนเพิ่มรายได้ให้แก่คนชรา โดยต้องให้คนชราที่รวยยอมสละสิทธิ์ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเดือนละ 600 บาท ซึ่งปัจจุบันคนชราที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี มีประมาณ 10 ล้านคน แต่ที่มายื่นขอรับสวัสดิการคนชราเดือนละ 600 บาทมีประมาณ 8 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งคนชราที่จนและคนชราที่ร่ำรวยหรือมีบุตรหลายเลี้ยงดูอย่างดีอยู่แล้ว แต่เมื่อแยกแยะออกมาในเบื้องต้น พบว่า คนชราที่ยากจนจริงๆ น่ามีอยู่ประมาณ 3.5 ล้านคน
“ หาก สศค.ขอให้คนชราที่ร่ำรวยสละสิทธิ์ในการรับเงิน 600 บาทต่อเดือน จำนวน 4.5 ล้านคน ก็จะเพิ่มเงินช่วยเหลือให้แก่คนชราที่ยากจนได้มากขึ้น โดยคาดว่าคนชราทั้ง 3.5 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1,200-1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้คนชราที่ยากจนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ” นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินให้แก่คนชรา ที่มีอยู่เกิน 60 ปี เดือนละ 600 บาท โดยในแต่ละปีจะใช้เงินงบประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท กระจายให้คนชราที่ยากจนและไม่ได้ยากจน ซึ่งในจำนวนของคนชราร่ำรวยนั้น สศค.พบว่ามีอยู่จำนวนหนึ่งเมื่อได้รับเงินมาแล้วจะนำไปบริจาคให้แก่องค์กรการกุศลอีกทอดหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ สศค.กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขอให้มีการสิทธิ์และโอนเงินดังกล่าวคืนแก่รัฐบาล เพื่อนำไปช่วยเหลือคนชราที่ยากจนต่อไป.