กสอ.จัดทัพ สร้างระบบ SMEs Ecosystem
อธิบดี กสอ.จัดทัพใหม่ เตรียมปรับระบบการให้บริการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ทั้งองคาพยพ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตามนโยบาย Thailand 4.0
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2561 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าสูงถึง 3,150,232.96 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจากนี้ไปจนถึงปี พ.ศ. 2565 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยคาดว่าเติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 22 จากมูลค่ามหาศาลนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
กสอ. จึงได้ปรับปรุงและสร้างระบบ SMEs Ecosystem หรือระบบนิเวศในการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีขึ้น โดยใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ในการเอื้อให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจ และเข้าถึงบริการภาครัฐได้สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม เช่น การปรับการให้บริการในรูปแบบดิจิทัลเซอร์วิส ทั้งการรับสมัครเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์เพื่อให้มีความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงบริการมากยิ่งขึ้น
พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูล กับระบบ i-Industry ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบัน กสอ. มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิกในระบบแล้วกว่า 400,000 ราย แบ่งเป็นรูปแบบบุคคลกว่า 320,000 ราย และรูปแบบกิจการกว่า 93,000 ราย
สำหรับปี พ.ศ. 2563 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 2,000 กิจการ และบุคลากรภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและที่เกี่ยวข้องกว่า 20,000 ราย นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบดิจิทัลในการกำกับติดตามการดำเนินงานสำหรับโครงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี โดยผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานประกอบการ ซึ่งเรียกว่าระบบ Self-Declare โดยจะมีการเช็คอิน (Check-in) การเข้าปฏิบัติงานในสถานประกอบการของที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และรายงานผลแบบ Real time ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถประเมินผลการทำงานของที่ปรึกษาได้ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมกันนั้น ยังต้องมีการจัดทัพใหม่ในการปรับการให้บริการ โดยเน้นการใช้ Digital Platform เพื่อสร้างระบบนิเวศให้ครบทั้งองคาพยพ ผลักดันให้เอสเอ็มอีเกิด Digital Transformation อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน บุคลากรของกรมจะต้องมีการ Transform ตนเอง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน โดยจะมีการจัดอบรมเสริมองค์ความรู้ใหม่ ๆ ด้านทักษะความเข้าใจ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ให้บุคลากรอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อให้บุคลากร มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและรองรับการเป็น Smart Office
ขณะเดียวกัน ในส่วนของระบบหลังบ้านจะมีการปรับปรุงให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ กสอ. ได้เร่งดำเนินการเพื่อยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุประทานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัล