กรมศุลฯ ปรับภาษีเบสท์รินพันล้าน
กรมศุลกากร เปรียบเทียบปรับและเก็บภาษีรถโดยสารเอ็นวีจีของบริษัท เบสท์ริน นำเข้าจากจีน 489 คัน โดยตรงไม่ใช่ผลิตจากมาเลเซีย ทำให้เสียภาษีเพิ่มอีกเกือบ 1 พันล้านบาท
“ กรมศุลฯ ปฎิบัติงานตามหน้าที่ ซึ่งในกรณีของรถโดยสารเอ็นจีวีนั้น กรมฯ ไม่ได้รับเงินรางวัลหรือสินบนนำจับ โดยเม็ดเงินทั้งหมดจะถูกนำส่งคลัง ” นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวยืนยันความผิดของบริษัทซุปเปอร์ซาร่า ในฐานะผู้นำเข้ารถโดยสาร เอ็มจีวี รวมทั้งหมด 489 คัน
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.59 นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวกรณีกรมศุลกากรไม่อนุญาตให้นำโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัดออกจากท่าเรือแหลมฉบังว่า ล่าสุด กรมศุลกากรได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานตรวจสอบข้อมูลที่ประเทศมาเลเซียในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด นำเข้ารถโดยสารปรับอากาศยี่ห้อ SUNLONG รุ่น SLK6129CNG YEAR 2016 จำนวน 489 คัน ซึ่งได้ทยอยส่งออกจากประเทศมาเลเซียมายังประเทศไทยจำนวน 5 เที่ยวเรือ เที่ยวละ 1 คัน, 99 คัน, 145 คัน, 146 คัน และ 98 คัน (อยู่ระหว่างการเดินทางจากมาเลเซียมายังประเทศไทย) ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 489 คันนั้น ผลิตจากประเทศจีนไม่ใช่มาเลเซียจึงเข้าข่ายต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 40%
โดยกรมศุลกากรได้สรุปเหตุการณ์ของบริษัทฯ ซุปเปอร์ซาร่า ออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 (เที่ยวที่ 1 – 2 รวมจำนวน 100 คัน) เป็นกลุ่มที่ผ่านพิธีการศุลกากรและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้ มีการสำแดงเท็จ เพราะใช้ฟอร์มดี (Form D) ซึ่งแสดงแหล่งกำเนิดสินค้าว่าผลิตจากประเทศมาเลเซียจึงต้องถูกเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 2 เท่าของอากรและยังถูกเก็บภาษี มูลค่าเพิ่ม (แวต) รวมเป็นเงิน 370 ล้านบาท ตามกฎหมายศุลกากร
ส่วนกลุ่มที่ 2 (เที่ยวที่ 3 – 5 จำนวน 389 คัน) ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร โดยได้ตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้าที่ R & A COMMERCIAL VEHICLES SDN BHD จะส่งรถโดยสารปรับอากาศดังกล่าวมายังประเทศไทย ได้มีการนำเข้ารถโดยสารปรับอากาศชนิดเดียวกันจากประเทศจีน โดย NORINCO NEW ENERGY CO., LTD. ระบุชื่อผู้ซื้อที่มาเลเซีย คือ R & A COMMERCIAL VEHICLES SDN BHD และพบสินค้านำเข้าเป็นรถยนต์สำเร็จรูป ซึ่งมีจำนวน ราคา และน้ำหนักตรงกันกับที่บริษัท R & A COMMERCIAL VEHICLES SDN BHD ส่งมายังประเทศไทย มีรายการหมายเลข Chassis หมายเลขเครื่องยนต์ ตรงกัน รวมทั้งแสดงราคาต่อหน่วยและน้ำหนักต่อหน่วย เท่ากัน
“ รถโดยสารในกลุ่มที่ 2 ยังไม่มีการสำแดงเพื่อเสียภาษีแต่อย่างใด จึงยังไม่มีความผิดแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่า บริษัทผู้นำเข้าคงไม่กล้าสำแดงเป็นฟอร์มดีเพื่อหลบเลี่ยงภาษีอีกแล้ว เพราะตัวอย่าง ขอรถโดยสาร 100 คัน ที่ถูกปรับก็เป็นเงินจำนวนมากอยู่แล้ว ”
ส่วนรถโดยสารกลุ่มที่ 2 นี้ หากนำเข้าจะเสียภาษี 40% บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีกคันละ 1.4 ล้านบาท ก็จะเท่าว่า รถจำนวน 389 คันต้องเสียภาษีเพิ่มอีกประมาณ 500 ล้านบาท และเมื่อรวมกับค่าปรับของกลุ่มแรก 100 คันแล้ว ผู้นำเข้าจะต้องเสียภาษีเพิ่มให้แก่กรมศุลกากรเกือบๆ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ นำเข้าคลังทั้งหมด โดยในช่วงที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้ชี้แจงให้กับบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด รับทราบ และบริษัทฯ ยอมรับว่า มีความเข้าใจที่ผิดพลาดในข้อมูลการนำเข้าจากบริษัทผู้จำหน่ายในมาเลเซีย จึงแถลงข่าวในครั้งแรกตามข้อมูลที่ได้รับ เมื่อรับทราบข้อเท็จจริงแล้ว บริษัทฯ ยินดีปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากรทุกประการ
ทั้งนี้ หากบริษัทซุปเปอร์ ซาร่า ซึ่งในฐานะบริษัทผู้นำเข้าจะต้องส่งมอบรถให้แก่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ในฐานะผู้ชนะการประมูลรถเมล์ของ ขสมก. บริษัทซุปเปอร์ ซาร่า จะต้องชำระค่าภาษีหรือวางเงินประกันและหากมีเอกสารพร้อมก็สามารถดำเนินการที่กรมศุลกากรหรือสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อทำการตรวจปล่อยได้ภายใน 1-2 วัน เท่านั้น โดยการวางเงินประกันน่าจะมียอดเงินสูงถึง 230 ล้านบาท กรณีนำรถโดยสารกลุ่มที่ 2 ออก 100 คัน ส่วนรถกลุ่มที่ 1 นั้น เชื่อว่า จะคงยังไม่มีการนำออกมาในช่วงนี้ เพราะต้องเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก
ขณะที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ตามสัญญาที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ได้ลงนามไว้กับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัทจะต้องส่งมอบรถเมล์ใหม่ให้แขวงการเดินรถ ขสมก.ภายในวันที่ 29 ธ.ค.2559 แต่หากบริษัทไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามสัญญาไว้กับ ขสมก. บริษัทจะต้องเสียค่าปรับและเสียค่าเสียโอกาสรวมแล้วประมาณวันละ 17,000 บาทต่อคันต่อวัน โดยหากทางกรมศุลกากรพิจารณาปล่อยรถเมล์ NGV ดังกล่าว ก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ในส่วนของการติดแบล็กลิสต์หรือไม่นั้นหากบริษัทสามารถส่งรถได้ตามกำหนดและถูกกฎหมายก็ไม่น่าจะมีปัญหา
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.ขสมก. กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าเบสท์รินจะนำเงินวางประกันภาษีไปจ่ายให้กรมศุลกากรเพื่อนำรถ 100 คันแรกออกมา แต่ถึงขณะนี้เบสท์รินยังไม่ได้นำเงินประกันไปวาง เพราะเป็นเงินจำนวนมากคงต้องใช้เวลา โดย ขสมก.ยืนยันตามเดิมว่าบริษัทต้องส่งมอบรถได้ครบภายใน 29 ธ.ค.นี้ เชื่อว่าทางบริษัทจะสามารถส่งมอบรถได้ แต่อาจล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ 1 สัปดาห์ และจะพยายามเร่งรัดเพื่อให้นำรถเมล์นี้มาให้บริการได้ทันช่วงปีใหม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทมีปัญหาฟ้องร้องทางแพ่งในศาลภาษีอากรนั้น เป็นคดีเก่าที่เกิดขึ้นมาก่อนและคดียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งการประมูลจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ไม่ได้มีข้อกำหนดห้ามบริษัทเข้าร่วมประมูล ถือว่าทุกอย่างผ่านมาตามขั้นตอน.