คลังหวังเงินคนแก่อุ้ม “ชิมช้อปใช้” 5 พันล.
คลังเปิดยอดใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” 1.73 ล้านคน วงเงินกว่า 1.31 หมื่นล้านบาท แยกเป็น “กระเป๋า 1” 1.15 หมื่นล้านบาท ส่วน “กระเป๋า 2” มีคนใช้สิทธิ์กว่า 1.1 แสนราย วงเงิน 1,548 ล้านบาท เฉลี่ย 13,134 บาท/คน เพิ่มวันละกว่า 100 ล้านบาท เผยยอด “ผู้สูงอายุ” ลงทะเบียนเฟส 3 เฉียด 1 แสนราย คาดใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวร่วมบุตรหลานเฉลี่ย 10,000 บาท/คน กระตุ้นเศรษฐกิจ 5,000 ล้านบาท สั่งแบงก์กรุงไทยช่วยรับลงทะเบียนแล้ว
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” สำหรับผู้สูงอายุ (60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) โดยมีการจำกัดสิทธิ์ที่ 500,000 คน ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.62 ที่ผ่านมา พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียน ทำให้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ ดังนั้น จึงได้ประสานไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สั่งการไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกและแนะนำขั้นตอนการลงทะเบียนแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากนี้ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป
ทั้งนี้ การกันสิทธิ์ไว้ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและกระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดี โดยข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ไทยได้เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และกำลังเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 65 เม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุปัจจุบัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9 แสนล้านบาทต่อปี ขณะที่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเฉลี่ยของผู้สูงอายุราว 9,000–10,000 บาทต่อเดือน สำหรับสินค้าและบริการที่รองรับกลุ่มผู้สูงวัยมีหลากหลายและเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าด้านการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สถานบริการผู้สูงวัย ธุรกิจบริการรถเช่า ธุรกิจทัวร์ รวมถึงกลุ่ม Delivery เป็นต้น
นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า จากพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของผู้สูงอายุคนไทยที่พบว่า มีการใช้จ่ายเพื่ออาหาร การออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านในโอกาสพิเศษ ใช้เงินเพื่อการผ่อนคลาย และเพื่อการท่องเที่ยวในสัดส่วนที่สูง ทั้งนี้ อยากให้ผู้สูงอายุลงทะเบียนเข้ารับสิทธิ์ในโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ครบ 500,000 คน ใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวร่วมกันกับบุตรหลาน ซึ่งหากผู้สูงอายุใช้เงินเพื่อการท่องเที่ยว 10,000 บาทต่อคน คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศและกระจายลงสู่เศรษฐกิจฐานรากราว 5,000 ล้านบาท
สำหรับตัวเลขการลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ยังเหลือสิทธิ์ จำนวน 409,825 สิทธิ์ ทั้งนี้โครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” จะไม่แจกเงิน 1,000 บาท ในประเป๋าที่ 1 (G-wellet 1) แต่จะเน้นให้ประชาชนใช้จ่ายเงินตัวเองผ่านกระเป๋า 2 (G-wellet 2) เพื่อรับสิทธิ์เงินคืน (Cash back) 15% เมื่อใช้จ่ายเงินไม่เกิน 30,000 บาท (เงินคืนไม่เกิน 4,500 บาท) และรับสิทธิ์เงินคืน (Cash back) 20% เมื่อใช้จ่ายเงินมากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (เงินคืนไม่เกิน 4,000 บาท) รวมเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท โดยสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน จนถึง 31 ม.ค.63 พร้อมรับ 1 สิทธิ์ทุกการใช้จ่าย 1,000 บาท เพื่อลุ้นจับรางวัลทองคำทุกสัปดาห์อีกด้วย
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ได้เปิดให้ลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 14 – 16 พ.ย.62 มีผู้ลงทะเบียนครบ 1.5 ล้านรายแล้ว และเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปิดลงทะเบียนรอบพิเศษสำหรับผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 90,175 ราย ซึ่งผู้สูงอายุที่สนใจเข้าร่วมมาตรการยังสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. โดยกระทรวงการคลังจะประเมินความเหมาะสมในการยุติการลงทะเบียนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงอายุที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ครบทุกคน และสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถลงทะเบียนด้วยตนเองได้ ทางธนาคารกรุงไทยมีบริการอำนวยความสะดวกช่วยลงทะเบียน โดยสามารถติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทยที่อยู่ใกล้บ้าน
สำหรับการใช้จ่ายของประชาชนตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. – 17 พ.ย.62 พบว่า เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังคาดหมายไว้ กล่าวคือ มีผู้เริ่มใช้สิทธิ์ 11,738,468 ราย มีการใช้จ่ายรวม 13,117 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายจาก g-Wallet ช่อง 1 รวม 11,569 ล้านบาท สำหรับ g-Wallet ช่อง 2 มีผู้เริ่มใช้สิทธิ์จำนวน 117,859 ราย มียอดการใช้จ่ายรวม 1,548 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 13,134 บาท โดยเพิ่มขึ้นวันละกว่า 100 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า มาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไข การใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ให้สะดวกมากขึ้น โดยสามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน และขยายระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.63 ซึ่งรวมถึงผู้ได้รับสิทธิ์เดิมด้วย และการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 จะได้รับเงินคืนโดยไม่ต้องรอจนถึงสิ้นสุดโครงการ กล่าวคือ ตั้งแต่เริ่มมาตรการจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.62 จะได้รับเงินชดเชยในเดือน ธ.ค.62
สำหรับการใช้จ่ายในเดือน ธ.ค.62 และ ม.ค. 63 จะได้รับเงินชดเชยในเดือน ม.ค. และ ก.พ.63 ตามลำดับ ทั้งนี้ ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถสมัครได้ที่กรมบัญชีกลางและสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศจนถึงวันที่ 15 ม.ค.63.