กรมศุลฯ ร่วมคืนภาษีนักเที่ยวผ่านบล็อกเชน
กรมศุลกากร ผนึกกรมสรรพากร ธนาคารกรุงไทย ร่วมโครงการคืนภาษีนักท่องเที่ยว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน เชื่อต่อโมบายแอพพลิเคชั่น ย้ำทำให้การคืนภาษีนักท่องเที่ยวรวดเร็วแม่นยำ หนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงการลงนามตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อยกระดับสถาปัตยกรรมรองรับภารกิจของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ระหว่าง กรมสรรพากร กรมศุลกากร และธนาคารกรุงไทย ว่า กรมศุลกากรพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการจัดเตรียมสถานที่รองรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย (Network) รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นในการติดตั้งระบบต่างๆ เพื่อดำเนินโครงการฯ และร่วมมือกับกรมสรรพากรสำหรับการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องสำหรับการคืนภาษีของนักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists)
ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้นำระบบบล็อกเชน มาใช้ปฏิวัติระบบการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว โดยเชื่อมโยงระบบบล็อกเชนกับโมบายแอพพลิเคชั่น ระบบยืนยันตัวตนของนักท่องเที่ยว รวมถึง e-Tax Invoice ของร้านค้าเพื่อใช้ในระบบภาษีมาเชื่อมต่อกับกระบวนการต่างๆในประเทศและระบบ Payment and Settlement ต่างประเทศ เช่น AliPay WeChat Visa และ Master เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวโดยสามารถเช็คยอดคืนภาษี ขอคืนภาษีได้ทันที รับภาษีคืนได้ภายใน 3 วันทำการ จากปกติใช้เวลา 34 วันทำการ ไม่ต้องถือเงินสดกลับประเทศ ได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าตลาด ไม่ต้องเข้าคิวสำแดงสินค้าที่กรมศุลกากรที่มีมากกว่า 7 แสนคนต่อปี และไม่ต้องเข้าคิวขอคืนภาษีที่มีมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการของภาครัฐ โดยช่วยลดเรื่องการตรวจเอกสาร ลดการใช้กระดาษได้สูงสุด 10 ล้านใบต่อปี ลดต้นทุนในการจัดการ ลดความหนาแน่นของคิวที่สนามบิน ลดต้นทุนในการบริหารจัดการเงินสด และสามารถคัดแบบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกได้ทันที จากเดิมใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เหล่านี้ล้วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของประเทศ การกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายย่อย การสร้างงาน สร้างรายได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
อนึ่ง กรมศุลกากร โดย นายกฤษฎา และนายสรศักดิ์ มีนะโตรี รองอธิบดีฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานในพิธี ณ กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา.