สุริยะ โชว์ 5 ผลงานสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
รมว. อุตสาหกรรม แถลงผลงาน 3 เดือน “99 วัน อุตสาหกรรมทำได้” โชว์ 5 ประเด็นหลัก สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากปัญหาสงครามการค้า การปฏิรูปกระทรวงอุตสาหกรรม สู่ประเทศไทย 4.0
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง 99 วันที่ผ่านมา ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรม เช่น การส่งเสริม Ease of Doing Business, การส่งเสริม Made in Thailand เป็นต้น และตอบโจทย์ของประชาชนในพื้นที่ เช่น การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสามารถจัดกลุ่มผลงานออกมาเป็น 5 เรื่องหลัก ได้แก่
1.การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยส่งเสริม Made in Thailand การเชิญชวนและดึงดูดนักลงทุน ผู้ประกอบการต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาได้นำคณะเยือนประเทศเวียดนาม ญี่ปุ่น และ จีน เพื่อหารือความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม ดิจิทัล นวัตกรรม และการสนับสนุน Start up และขยายการลงทุนในพื้นที่ EEC และพื้นที่การลงทุนเป้าหมายของไทยโดยเฉพาะในช่วงของTrade war นี้ และ ร่วมกับบีโอไอจัดทำกรอบและแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของการลงทุน เพื่อชักจูงและรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมายังประเทศไทย ใช้ชื่อโครงการว่า “Thailand Plus Package”
2.พัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ โดยดำเนินการพัฒนานิคมในพื้นที่ EEC ในโครงการท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักโครงการแรก 1 ใน 5 Mega Project List ในพื้นที่ EEC เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่ โดยได้ร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุนระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด มูลค่าโครงการประมาณ 47,900 ล้านบาท โดยหลังจากดำเนินการพัฒนาแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับสินค้าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติและสินค้าด้านปิโตรเคมีได้เพิ่มอีกประมาณ 14 ล้านตันต่อปี
3.ปฏิรูปกระทรวงอุตสาหกรรมไปสู่ Smart Government โดยการนำระบบ i-Industry มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาติดต่อรับบริการ ในรูปแบบ One Stop Service และเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งกระทรวงฯ เช่น ระบบการขอใบอนุญาต รง.4 ออนไลน์ ระบบการขอใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์ออนไลน์ ระบบการชำระค่าธรรมเนียมรายปี
4.ทะลวงอุปสรรค ลดขั้นตอนผู้ประกอบการ SMEs และ Start up ในการเข้าถึงสินเชื่อโดยได้ดำเนินโครงการ “สินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน” ภายใต้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี และสั่งการลดขั้นตอนการขอสินเชื่อจากปกติที่ต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน เหลือเพียงไม่ถึง 1 เดือน เท่านั้น โดยสามารถยื่นคำขอสินเชื่อได้ที่อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2562 ผมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ให้เสร็จสิ้นในระยะเวลา 3 เดือน
5.ดูแลประชาชนและผู้ประกอบการ ในการใช้สินค้าต่างๆ จึงดำเนินการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จำนวน 244 เรื่อง เพิ่มขึ้นถึง 495 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งมีการประกาศมาตรฐาน เพียง 41 เรื่องและได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เคร่งครัดการตรวจสอบ ส่งผลให้มีการพักใช้ใบอนุญาตผู้ที่ไม่แจ้งข้อมูลปริมาณการนำเข้าสินค้า จำนวน 3,566 ฉบับ ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ โดยตลอด 50 ปีที่ผ่านมาของ สมอ. มีการพักใบอนุญาตเพียง 50 ฉบับเท่านั้น
นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการเร่งด่วน 7 มาตรการ ช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมภาคอีสาน 4 จังหวัด ทำทันที ซ่อมสร้าง ฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชนและ ผู้ประกอบการกิจการโรงงานเอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจ ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักรให้กับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นเวลา 3 ปี
และยังคงเดินหน้า อุตสาหกรรม ทำต่อ ในหลายด้าน อาทิ การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทางกระทรวงฯ ได้เร่งบังคับใช้มาตรฐานมลพิษจากรถยนต์ที่เทียบเท่า Euro 5 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 เพื่อลดผลกระทบจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ติดกรงเล็บ SMEs ผ่านโครงการ InnoSpace (Thailand) โดยได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจเริ่มต้น เดินหน้าสร้าง National Platform สนับสนุน Startup ตลอดวงจรชีวิต และจุดประกายเกษตรอุตสาหกรรมด้วยการยกระดับศักยภาพ SMEs อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ร่วมกับสถาบันอาหารภายใต้ศูนย์ ITC-Mie Thailand Innovation Center.