ลั่น 4 ด.มอบที่ราชฯให้คนกาฬสินธุ์ครบแน่!
“บิ๊กหยิม” ลั่น 4 ด. ธนารักษ์จ่อเร่งส่งมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุที่เหลือนับแสนไร่ ให้ชาวบ้าน จ.กาฬสินธุ์ รวมเกือบ 4,000 ราย พร้อมใช้เป็นโครงการนำร่องกับ จ.ที่เหลือทั่วไทย เตรียมดึง ขรก.วัยเกษียณ พร้อมอุปกรณ์-เครื่องมือ-เทคโนโลยีทันสมัย มาเร่งรังวัด ดันงบประมาณหนุนเต็มที่ ก่อนสั่งสำรวจที่ดินรกร้างทั่วประเทศให้จบสิ้น ต.ค.นี้ ระบุ นำแนวคิด “พีพีพี” มาใช้ประมูโครงขนาดใหญ่ที่ขาดคนดูแล-บริหารจัดการไม่ดี
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวภายหลังมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ที่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ว่า ได้มอบสัญญาเช่าฯ บริเวณเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ให้กับผู้เช่าฯ 640 ราย เนื้อที่กว่า 3,082 ไร่ แยกเป็นการเช่าเพื่อที่อยู่อาศัย107 ราย เนื้อที่ 55 ไร่เศษ และเช่าเพื่อการเกษตร 533 ราย เนื้อที่ 3,026 ไร่เศษ แต่เฉพาะวันนี้ (11 ต.ค.) ได้จัดมอบสัญญาเช่าดังกล่าวให้กับผู้เช่าก่อน 350 ราย ที่เหลืออีก 290 ราย รวมกับที่จะทำการมอบในปีงบประมาณ 2563 รวมอีก 3,864 ราย คิดเป็นพื้นที่รวมนับแสนไร่นั้น กรมธนารักษ์จะเร่งดำเนินให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือนนับจากนี้
ทั้งนี้ แม้จะติดปัญหาเรื่องการทำรังวัดเพื่อพิสูจน์สิทธิ์และจำนวนพื้นที่ที่มีการบุกรุกและครอบครองก่อนวันที่ 4 ต.ค.46 เนื่องจากขาดบุคคลที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรง รวมถึงการขาดอุปกรณ์และเครื่องมือ รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยตนได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาข้างต้นโดยเร็ว พร้อมกับประสานกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย รวมถึงเปิดรับข้าราชการเกษียณอายุ มาร่วมงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญหรือหัวหน้าโครงการฯ รวมถึงจัดเตรียมงบประมาณเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คาดว่าจะสามารถมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ให้กับชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ ภายในช่วงต้นปี 2563 ได้อย่างแน่นอน และจะใช้เป็นโมเดลให้กับจังหวัดอื่นๆ ที่เหลือทั่วประเทศต่อไป
“การมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ที่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ถือเป็นเนื้อในปีงบประมาณ 2563 โดยกรมธนารักษ์มีแผนจะต่อยอดโครงการพัฒนาพื้นที่ที่ดินราชพัสดุ ด้วยการทำชุมชนให้เป็นห้องประชุม จัดสร้งพื้นที่ให้เป็นเวทีประชุมของส่วนราชการในจังหวัดฯ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ชาวบ้าน ทั้งในและนอกได้พื้นที่เข้ามาขายสินค้า โดยไม่เสียค่าเช่า ซึ่งจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ ตอบโจทย์ของรัฐบาลที่ต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยจะใช้โครงการที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นโครงการนำร่องให้กับอื่นๆ ใน 76 จ.ที่เหลือต่อไป โดยให้แต่ละ จ.มีโครงการทำชุมชนให้เป็นห้องประชุม อย่างน้อย จ.ละแห่ง ตั้งเป้าไว้ถึง 100 แห่ง ภายในปีหน้านี้”
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์เร่งสำรวจพื้นที่ราชพัสดุที่รกร้างและพื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ ให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อที่จะได้นำพื้นที่เหล่านี้มาประมูลหรือเปิดทำประโยชน์ให้กับชุมชน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับกรมอีกทางหนึ่ง
เนื่องจากมีพื้นที่หลายแห่งที่ทำการพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขาดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยกรมฯจะได้ประสานงาน เพื่อขอเข้าดูแลพื้นที่เหล่านี้ แบะหากเป็นพื้นที่หรือโครงการขนาดใหญ่ ก็จะเปิดประมูลให้เอกชนหรือหน่วยงานใดที่สนใจ ได้นำไปใช้ประโยชน์ โดยบางโครงการ/พื้นที่ อาจใช้หลักการของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) มาช่วยการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย
ทั้งนี้ มีบางโครงการขนาดใหญ่ที่ขาดการบริหารจัดการที่ดี และบางโครงการไม่มีผู้รับผิดชอบดูแลโดยตรง จนทำให้เกิดความเสียหาย และขาดโอกาสในการพัฒนา เช่น โครงการสนามกอล์ฟ บางพระ จ.ชลบุรี ที่ปัจจุบันได้หมดสัญญาเช่าฯไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะจะเร่งเปิดประมูลภายในสิ้นปีนี้ ส่วนโครงท่าเรือ คลองใหญ่ จ.ตราด ที่กรมเจ้าท่าเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ พบว่า ยังไม่มีคนเช่าเพราะมีการคิดเช่าราคาแพง ซึ่งเรื่องนี้กรมฯจะเข้าไปคุยกับกรมเจ้าท่า เพื่อขอโครงการรับมาบริหารจัดการเอง และอาจผ่อนปรนเงื่อนไขในการเช่าพื้นที่ โดยเฉพาะราคาค่าเช่าที่ไม่แพงเกินไปนัก เพื่อให้เพื่อให้ผู้เช่าได้ง่ายและมาก็ขึ้น.