ยิ่งลักษณ์ฝ่า ม.44 ฟ้องจิรชัยเกมโต้กลับคดีจำนำข้าว
กลายเป็นเรื่องอีกครั้งสำหรับคดีโครงการรับจำนำข้าว
เมื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี วิ่งโร่ขึ้นศาลฟ้องร้อง “นายจิรชัย มูลทองโร่ย” รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว
โดยประเด็นที่อดีตนายกฯฟ้องรองปลัดสปน. ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่ไม่ไต่สวนพยานบุคคลและตรวจสอบที่เก็บข้าวสาร
“ยิ่งลักษณ์” ชี้แจงรายละเอียดว่า“ขณะนี้ยังไม่สามารถขยายความรายละเอียดคำฟ้องคดีได้ เพราะต้องรอฟังความเห็นจากศาล เนื่องศาลยังไม่มีคำสั่งรับคดี ยืนยันว่าการฟ้องร้องในคดีนี้ เพื่อต้องการรักษาความเป็นธรรมของตัวเอง ไม่ใช่การฟ้องร้องเพื่อต้องการยื้อคดีที่ตกเป็นจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าว”
ขณะเดียวกัน “รองปลัดสำนักนายกฯ” ออกมาตอบโต้ทันทีพร้อมแสดงความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
“ผมมั่นใจตัวเองว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นกลางให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ โดยมีการสอบพยานจำนวนหลายคน หลายหน่วยงาน ให้ระยะเวลาในการส่งพยานหลักฐานค่อนข้างมาก และระหว่างการทำหน้าที่ของก็มีความเป็นอิสระ คณะกรรมการไม่ได้ถูกบังคับจากใคร และนายกฯไม่เคยสั่งมีแต่ระบุให้คณะกรรมการให้ความเป็นธรรมและโอกาสกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ส่วนการอดีตนายกฯฟ้องศาลก็ถือเป็นสิทธิ์ของที่สามารถทำได้”
ชนวนของปมปัญหาครั้งนี้เกิดขึ้นต้องย้อนไปเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค. 2559 ที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ที่มี นายจิรชัย เป็นประธานฯ ปิดสำนวนการสอบสวนและมีมติให้ฟ้องแพ่ง อดีตนายกรัฐมนตรีชดใช้ค่าเสียหายคดีจำนำข้าวจำนวน 2.8 แสนล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง ต้องเร่งปิดคดีและตัวเลขฟ้องแพ่งภายในเดือน ก.ค.นี้
ส่วนคดีอาญา ในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อนุญาตให้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ทั้งสิ้น 14 ปาก กำหนดไต่สวน 5 นัด และอนุญาตให้ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยทั้งสิ้น 42 ปาก กำหนดไต่สวน 16 นัด จะไต่สวนพยานทั้งหมดเสร็จสิ้นในวันที่ 18 พ.ย. 2559 และคาดว่าจะมีคำพิพากษาออกมาในช่วงปลายปี 2559
ส่วนคดีแพ่งของ “อดีตนายกฯ” มีการคาดการณ์กันว่า จะจบลงภายในปี 2560 เช่นกัน
จึงน่าสนใจ ว่า “รองปลัดสำนักนายกฯ” เป็นพยานฝ่ายโจทย์คนสำคัญในการดำเนินการทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา และยังเป็นพยานปากเอกในคดีอาญา เพราะเป็นฝ่ายตรวจสอบ จึงกำข้อมูลเชิงลึกการตรวจสอบโกดังข้าว การระบายข้าว และผลสรุปความเสียหายของคดีโครงการรับจำข้าว
แน่นอนว่ายิ่ง “คดีทุจริตจำนำข้าว” ใกล้รูดม่าน จะเห็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆของรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้จากท่าที “ยิ่งลักษณ์” ดิ้นสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง พร้อมประกาศกร้าวท้าสู้ ไม่ถ้อย ไม่หนีไปต่างประเทศ
“ยืนยันว่าจะขออยู่ต่อสู้คดี เพราะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ กับทุกสายตาที่จับจ้องอยู่ จึงขอให้ความมั่นใจได้ว่าไม่เคยคิดแม้แต่จะหนีแน่นอน”
ดังนั้น ในวินาทีนี้ที่ ฝ่ายรัฐ คือ “รองปลัดฯจิรชัย” กำลังถูกโต้กลับด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดี จึงต้องกลับไปดู “หัวหน้าคสช.” ที่ใช้มาตรา 44 คุ้มครอง ดูแลเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเร่งสางปมคดีทุจริตรับจํานําข้าวเปลือกของรัฐบาลในอดีต
โดยก่อนหน้านี้มีการ ออกคำสั่งคสช.ที่ 39/2558 เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐและการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด จึงน่าสนใจว่า การโต้กลับของฝ่ายนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่มีเป้าหมายของคนของรัฐที่รับภารกิจตรวจสอบโดยตรง จะสามารถเป็นเกราะคุ้มกันคนของฝ่ายรัฐได้ขนาดไหน
ต้องติดตาม!!