คปภ.เดินสายปิดจ๊อบรับประกันข้าวที่เมืองคอนฯ
คปภ. นำภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ล่องใต้ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เปิดงานเพื่อส่งท้ายโครงการ Training for the Trainers ปี 62 สุดคึกคัก ก่อนลงนามร่วมหอการค้าฯเมืองคอน สร้างเครื่องมือบริหารความเสี่ยง หวังใช้เป็นหลักประกันความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ ด้าน “พ่อเมืองนครฯ” จี้ “นอภ.- ปลัดอำเภอ” ลงพื้นที่ให้ความรู้ดึงชาวนาร่วมโครงการประกันข้าวนาปี ตั้งเป้าร่วม 100% พร้อมใช้เป็นเกณฑ์วัดผลงานของลูกทีม
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวภายหลังพิธีเปิดโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้าย (ครั้งที่ 10) ก่อนปิดโครงการประกันภัยข้าวนาปีและประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประจำปี 62 เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า การจัดอบรมความรู้ด้านประกันภัยครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อนำระบบประกันภัยใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป ทั้งนี้ จะได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ของจังหวัดให้ความสำคัญในเรื่องประกันภัยข้าวนาปีและช่วยกันเร่งขับเคลื่อนภารกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการตามโครงการให้สัมฤทธิ์ผล
จากนั้น สำนักงาน คปภ. ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยเรื่องการบูรณาการส่งเสริมความรู้และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย กับหอการค้า จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายกรกฎ เตติรานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดฯ ร่วมลงนาม ซึ่งกรอบความร่วมมือดังกล่าว มุ่งเน้นการส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการ พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในจังหวัดฯ ได้รับความรู้ด้านการประกันภัย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและเป็นหลักประกันความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเป็นเครือข่ายถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านประกันภัยไปสู่เกษตรกรและภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ฯอย่างครบวงจร
ทั้งนี้ ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติได้กลายเป็นภัยคุกคามที่นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่มวลมนุษยชาติอย่างมหาศาล นอกจากจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม ผู้ประกอบการ รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ได้รับความสูญเสียและความเสียหาย โดยเห็นได้จากเหตุการณ์พายุโซนร้อน “โพดุล” และพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ทำให้ฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวได้รับความเสียหายรวม 32 จังหวัด 175 อำเภอ 896 ตำบล และ 6,400 หมู่บ้าน โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบ 370,749 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 29 ราย อพยพประชาชน 20,943 คน ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด รวม 70 จุด
เลขาธิการ คปภ.ระบุว่า จากข้อมูลการรับประกันภัยข้าวนาปีทั่วประเทศ ล่าสุด ณ วันที่ 17 ก.ย.62 พบว่า มีเกษตรกรทำประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 62 รวม 2.13 ล้านราย โดยมีพื้นที่ที่ทำประกันภัยข้าวนาปี (ส่วนที่ 1) 27.99 ไร่ และเกษตรกรซื้อความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) ด้วยการจ่ายเบี้ยประกันภัยเอง 2.43 ล้านไร่ โดยขณะนี้มีพื้นที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 1.38 ล้านไร่ จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วกว่า 1,742 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ยประกันภัย (Loss Ratio) เท่ากับร้อยละ 80.04
ดังนั้นโดยภาพรวมของการทำประกันภัยข้าวนาปีในปีนี้ แม้จะยังไม่รวมตัวเลขการทำประกันภัยข้าวนาปีในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากภาคใต้ยังเปิดรับประกันภัยข้าวนาปีไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และที่สำคัญระบบประกันภัยสามารถเข้าไปบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียให้กับพี่น้องเกษตรกรได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
“ผมขอขอบคุณหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับสำนักงาน คปภ.อย่างเหนียวแน่นในการขับเคลื่อนโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) อันจะเป็นประโยชน์และขยายผลไปถึงเกษตรกรชาวนาไทยให้มีความรู้ความเข้าใจ และเล็งเห็นความสำคัญของการประกันภัยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนในการปฏิรูปการประกันภัยพืชผลของประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นโครงการในปีนี้จะได้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ ประเมินผล เพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงการในปีต่อๆไป ซึ่งหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกรชาวนากลุ่มฐานราก” ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ย้ำ
อนึ่ง งานดังกล่าว ทาง คปภ.และสภาหอการค้า จ.นครศรีธรรมราช ได้รับเกียรติจากนายศิริพัฒ พัฒกุล ผจว.นครศรีธรรมราช มาร่วมและกล่าวต้อนรับ พร้อมกล่าวขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่เลือก จ.นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 10 จังหวัด ในโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ผจว.นครศรีธรรมราช ยังย้ำผ่านไปยังนายอำเภอ ปลัดอำเภอ และหน่วยงานในสังกัด ให้เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวถึงการทำประกันภัยข้าวนาปีในปีนี้ โดยระบุว่า จะใช้เกณฑ์การลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการกับ คปภ. เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำงานของหน่วยงานเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายจะเชิญชวนเกษตรกรชาวนาเข้าร่วมโครงการดังกล่าวให้ได้ครบ 100% หรืออย่างน้อยก็ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากโครงการดังกล่าว เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯไม่ต้องจ่ายเงินแต่อย่างใด หรือหากจ่ายก็น้อยที่สุด แต่คุ้มครองหากเกิดความเสียหายจากพิบัติธรรมชาติได้ เนื่องจากรัฐบาลออกให้ 51 บาทต่อไป และหากเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะได้รับเงินช่วยเหลือส่วนที่ขาดอีก 34 บาทต่อปี.