สุริยะ เร่ง กนอ.หาพื้นที่รองรับ SME-สตาร์ทอัพ
รมว.อุตสาหกรรม เร่ง กนอ.พัฒนา SEZ หาพื้นที่ในนิคมฯรับลงทุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ พัฒนาท่าเรือ ขับเคลื่อนการลงทุน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยได้มอบหมายให้ กนอ.เร่งรัดการจัดหาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการใหม่ (สตาร์ทอัพ) ตามแนวนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพราะธุรกิจเหล่านี้คือหัวใจสำคัญในการเป็นฐานรากการพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทย โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่อุตสาหกรรม 4.0
ขณะเดียวกันในด้านรูปแบบการทำงานต้องปรับแนวคิดโดยใช้ประโยชน์จากระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data System) กลไกสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการค้า การลงทุน และการผลิตในประเทศได้ในอนาคต”นายสุริยะกล่าว
ทั้งนี้การพัฒนาพื้นที่ของ กนอ.จะต้องมองการเชื่อมโยงกับการเกษตรเพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน หรือการทำเศรษฐกิจชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี่) รวมทั้งให้ กนอ.มีการทำงานแบบ บูรณาการเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานต่างๆในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งสถาบันศึกษา สถาบันการเงิน และสถาบันวิจัยในการเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ
ทั้งยังได้มอบให้ กนอ.เชื่อมโยงการพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพในอีอีซีที่จะเชื่อมโยงกับโครงการไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ (Cyberport Thailand) ที่ได้ร่วมลงนามกับฮ่องกงไซเบอร์พอร์ต ซึ่งเป็นศูนย์รวมสตาร์ทอัพของฮ่องกง เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพไทยให้มีศักยภาพด้วยระบบการบริการดิจิทัลที่ทันสมัย ซึ่งจะส่งผลดีทำให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพมีความเข้มแข็งและพร้อมที่จะก้าวไปสู่การแข่งขันในตลาดขนาดใหญ่ได้ในอนาคต
นายสุริยะ กล่าวว่า รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะกระจายความเจริญไปสู่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและระบบโลจิสติกส์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ โดย กนอ.ได้จัดตั้งนิคมฯสระแก้ว ภายใต้แนวคิดในการออกแบบพัฒนาตามแนวคิดอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะและปัญหาสิ่งแวดล้อมในลักษณะอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) รวมทั้งรองรับธุรกิจเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ บนเนื้อที่รวม 660 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจตลาดชายแดน (ตลาดโรงเกลือ) และสิทธิประโยชน์ตามนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่พร้อมรองรับและสนับสนุนการทำธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างเต็มพื้นที่แล้ว ซึ่ง กนอ.จะเปิดอย่างเป็นทางการประมาณตุลาคมนี้
ส่วนการพัฒนานิคมฯ สงขลา ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา คาดว่าจะสามารถเปิดบริการรองรับการลงทุนได้ภายในปี 2563 ขณะที่นิคมฯตาก ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้พิจารณาเห็นชอบในรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกรมธนารักษ์ออกโฉนดที่ดิน และคาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับ กนอ.ได้ประมาณเดือนธันวาคม 2562 ต่อไป
สำหรับความคืบหน้าการศึกษาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น โครงการปิโตรเคมีส่วนขยายในพื้นที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ประมาณ 1,000 ไร่ รวมมูลค่า 3.3 แสนล้านบาทนั้น ตามมติในที่ประชุมของคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุน ได้มอบหมายให้ กนอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาความเหมาะสม เพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงภายใต้แนวคิดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือ และให้นำเสนอผลการศึกษาต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุน พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ซึ่งทาง กนอ. คาดว่าผลการศึกษาในเรื่องดังกล่าวจะเร่งสรุปให้แล้วเสร็จภายในที่กำหนดเพื่อที่จะขับเคลื่อนการลงทุนเนื่องจากเป็นมูลค่าการลงทุนที่สูงอันจะก่อให้เกิดการจ้างงานและรายได้เข้าประเทศ