“ลลิลฯ”ผุดโปรเจกต์รับดีมานด์ใกล้นิคมฯโรงงานจีน
“ลลิลฯ กับกลยุทธ์การเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ ผุดโครงการรับกำลังซื้อใหม่โซนโรงงานจากจีนใกล้นิคมฯอมตะ แนวโน้มย้ายฐานมาไทยหนีพิษเทรดวอร์ ยันไม่ปรับเป้าแผนธุรกิจ
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวยืนยันว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังมีทิศทางเป็นบวก แต่อัตราการปรับตัวอาจอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีซัพพลายคงเหลือในหลายพื้นที่ โดยการเติบโตจะเห็นชัดเจนในพื้นที่ที่ประชาชนมีกำลังซื้อ เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดเขตเศรษฐกิจและเริ่มขยายไปยังจังหวัดรองที่สำคัญ ส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยจะกระจายตัวออกไปจากอุปทานของที่ดินที่ยังมีอยู่จำนวนมาก และมุ่งเน้นเจาะไปที่กลุ่มเรียลดีมานด์เป็นสำคัญ เพื่อปลดล็อคปัญหา LTV โดยการพัฒนาโครงการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น จะอาศัยแรงบวกจากนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนคือ การลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่เฉพาะเช่นพื้นที่ในอีอีซี ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตา
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทลลิลฯนั้น ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยทั้งปีจะสามารถเปิดได้ 8-10 โครงการ มูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มอีก 5 โครงการแนวราบ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท เน้นเจาะตลาดในกลุ่มเรียลดีมานด์เป็นหลัก โดยเน้นทำเลที่มีการพัฒนาเครือข่ายคมนาคม แหล่งงาน และ ชุมชนเป็นหลัก เพราะมั่นใจว่าจะมีการเติบโตจากปัจจุบันสู่อนาคต ซึ่งบริษัทฯได้เริ่มดำเนินการเปิดการขายช่วงไตรมาส 3 ทีเดียวถึง 4 โครงการ ลูกค้าให้การตอบรับสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้ ยอดขายเฉลี่ย100 ล้านบาทต่อเฟสต่อโครงการ และอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเปิดขายในเฟสที่สองต่อ
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายอีก 1 โครงการ ได้แก่ Lio Bilss ปลวกแดง-มาบยางพร มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท แบรนด์ Lio Bliss เนื้อที่ 41 ไร่ จำนวน 400 กว่ายูนิต ราคาล้านกลางๆถึง 2 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนไทย ที่ทำงานในโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซึ่งเป็นนักธุรกิจจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนได้ปีกว่า และเริ่มดำเนินการผลิต โดยโซนที่เราจะเข้าไป เหมือนเป็นเมืองไชน่าทาวน์ เป็นนิวเอเรียลแห่งใหม่ ที่จะมีแหล่งงานและกำลังซื้อในกลุ่มของคนไทยเกิดขึ้นในโซนอีอีซี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวจะเติบโตสู่การเป็นย่านเศรษฐกิจในอนาคต
“กว่าเราจะทำโครงการ เรามีการเลือกทำเล มีการทำมาร์เก็ตเซอร์เวย์ ดูความต้องการของลูกค้า เพื่อดีไซน์แบบบ้าน ฟังก์ชั่นภายในบ้าน และเรื่องความเป็นอยู่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า การทำโครงการ เรามีทีมวิจัย จากทีมวิจัยและพัฒนาธุรกิจ ทำให้เรามีข้อมูลที่แน่น ในการสนับสนุนเพื่อเลือกขยายธุรกิจ เรามีการใช้ออนไลน์ในการทำตลาดเชิงรุก ใช้ถึง 40-50% ของงบการตลาด สามารถประชิดตัวลูกค้าได้เลย ไม่ต้องรอให้เข้า “
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 3,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5,300 ล้านบาท เป้าหมายรับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท เติบโต 15%