คปภ.เร่งคลอดประกัน SME package
คปภ.จับกลุ่ม SME เร่งต่อยอดประกันภัย SME package รุกบริหารความเสี่ยงครบวงจร ลุยนำร่องพื้นที่เป้าหมายใน จ.ระยอง หวังนำระบบประกันมาลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจเขต EEC สนองนโยบายรัฐบาล
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวเปิดการสัมมนาในหัวข้อ “ประกันภัยถูกทางสร้างเกราะให้ SME” ณ โรงแรม ระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ระยอง เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา ตนและผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ. ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังสภาพปัญหาด้านประกันภัย ตลอดจนความต้องการที่แท้จริงของผู้เอาประกันภัย โดยนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาปรับปรุงและออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ รองรับความเสี่ยงภัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากและกลุ่มธุรกิจ SME ให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบประกันภัย เพื่อเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ทั้งยังส่งเสริมและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย เช่น ผลิตภัณฑ์ไมโครอินชัวรันส์ รูปแบบต่างๆ อาทิ กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม 7 บาท กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม 10 บาทพลัส กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย จ่ายเบี้ยประกันภัยแค่ 400 บาทต่อปี กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุสงกรานต์สุขใจ พลัส หรือ ประกันภัย 222 รวมไปถึงกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองภัยตามฤดูกาล อย่าง กรมธรรม์ประกันภัยไข้เลือดออก เป็นต้น
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคเกษตรกรรม เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การประกันภัยทุเรียน การประกันภัยโคนมการประกันภัยลำไย และล่าสุดได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อกลุ่มชาวประมงเรือพื้นบ้าน เพื่อช่วยบรรเทาความเสียหาย จากภัยธรรมชาติให้กับชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายต่อตัวเรือประมง และการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตของชาวประมง และลูกเรือประมง
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การเลือกพื้นที่ จ.ระยอง เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพ จากความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และประมง อีกทั้งยังอยู่ในกลุ่มจังหวัดพื้นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลทำให้เป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาและความเจริญในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างอาชีพ การศึกษา การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาเมืองใหม่ การสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ทันสมัย การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงการยกระดับเทคโนโลยีเพื่อรองรับความเจริญที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ซึ่งระบบประกันภัยมีบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงภัย แม้ที่ผ่านมาสำนักงาน คปภ. จะเดินหน้าภารกิจต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมทุกขนาดเข้าถึงระบบประกันภัย แต่ก็จำเป็นจะต้องเข้าไปดูแลประชาชนกลุ่มรากหญ้า และกลุ่มธุรกิจ SME เป็นพิเศษ เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มยังขาดความพร้อมและยังใช้ประโยชน์จากระบบประกันภัยไม่เต็มที่ สำนักงาน คปภ. จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับสภาพความเสี่ยงของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท และวิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 200 ล้านบาท หรือที่เรียกกันว่า SME package ซึ่งประกอบด้วยการคุ้มครองภัยต่างๆ ที่จะช่วยกลุ่มธุรกิจ SME ในการบริหารความเสี่ยง โดยมีเบี้ยประกันภัยที่ไม่แพง และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ เพื่อจะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SME ได้ดีขึ้น และพร้อมน้อมรับทุกข้อแนะนำและความเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านนายวิวัฒน์ วารีรัตนโรจน์ อดีตกรรมการบริหารสมาคมประมง จ.ระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ กล่าวว่า ตนมีธุรกิจทำเรือประมงและแพปลาในพื้นที่ อ.แกลงมานานกว่า 50 ปี ได้เห็นวิวัฒนาการของการทำประมงพื้นบ้านและการทำประมงขนาดใหญ่ในพื้นที่ จ.ระยองมาโดยตลอด และสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ อาชีพการทำประมงมีความเสี่ยงต่อการประสบอุบัติภัยจากภัยธรรมชาติ ทั้งในขณะออกเรือหาปลาหรือจอดเรืออยู่ที่ชายฝั่ง เพราะถ้าเกิดพายุพัดถล่มเข้ามาวันใดเรือประมงและอุปกรณ์ก็จะได้รับความเสียหาย ซึ่งปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่ออยู่เนืองๆ ดังนั้น การลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SME ของสำนักงาน คปภ. ในครั้งนี้ ทำให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจระบบการประกันภัยมากขึ้น และได้รู้จักกับกรมธรรม์ประมงเรือพื้นบ้านเป็นครั้งแรก ซึ่งนับว่าเป็นกรมธรรม์ที่มีประโยชน์ต่อชาวประมงเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากให้สำนักงาน คปภ.ขยายผลและต่อยอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกรมธรรม์ประมงเรือพื้นบ้านด้วยการประสานความร่วมมือกับทุกจังหวัดที่มีการจัดตั้งสมาคมประมงเพื่อเข้าไปให้ความรู้กับสมาชิกของสมาคมประมงที่มีอยู่ในราว 2 – 4 หมื่นราย ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ชาวประมงได้รับอานิสงส์จากกรมธรรม์นี้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และขอขอบคุณสำนักงาน คปภ. ที่จัดสัมมนาให้ความรู้ในครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการ SME มีความเข้าใจและตื่นตัวที่จะทำประกันภัยกันมากขึ้น
ขณะที่ นายสุทธิ ศรีธาราม ผู้ประกอบที่พักอาศัยและเรือข้ามฟากท่าเรือเกาะเสม็ด เผยว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการทำธุรกิจบนความพึงพอใจและความประทับใจของลูกค้าผู้มาใช้บริการอยู่ตลอดเวลา เช่น เมื่อลูกค้าประสบอุบัติเหตุในระหว่างเข้าพักอาศัยหรือนั่งเรือข้ามฟาก ผู้ประกอบการจะสามารถเข้าไปดูแลลูกค้าให้ได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานได้อย่างไร ในกรณีที่ลูกค้าเข้าพักอาศัยในที่พักแล้วมีกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักใส่หลังคาที่พัก ส่งผลทำให้ลูกค้าได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ที่พักอาศัยก็ได้รับความเสียหาย เหล่านี้ถือเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระทั้งทางตรงและทางอ้อม เพียงเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าจะหาซื้อประกันภัยในลักษณะนี้อย่างไร ดังนั้นการลงพื้นที่ให้ความรู้ของสำนักงาน คปภ. ในครั้งนี้ จึงมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME เป็นอย่างมาก เพราะทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ครบวงจร และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง การจัดงานครั้งนี้ ซึ่งจัดโดยสายกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านประกันภัยในเชิงรุกแก่ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม หรือ ผู้ประกอบธุรกิจ SME ได้เข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ความคุ้มครอง ตลอดจนข้อยกเว้น ของกรมธรรม์ประกันภัยประเภทต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของบุคคลหรือธุรกิจของตนเอง ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยได้รับเกียรติจากนายสุรชัย ยุติธรรมนนท์ นอภ.แกลง จ.ระยอง ให้การต้อนรับและได้กล่าวขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่เลือก จ.ระยองเป็นพื้นที่เป้าหมาย ในการให้ความรู้ด้านประกันภัยแก่ผู้ประกอบการ SME อันจะเป็นประโยชน์ต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงภัยต่อการประกอบธุรกิจ.