ธอส.แจงขอนแก่น-สารคามทำเลดีขายง่าย
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส. จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยของ “ขอนแก่น-มหาสารคาม” ที่ช่วงครึ่งหลังปี 61 เผยทำเลดีมีสัดส่วนปล่อยของได้ง่ายกว่า
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการ ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยใน จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม ที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย ว่า จากการสำรวจพบโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขาย 88 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 9,713 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 33,589 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 73 โครงการ มีหน่วยในผัง 7,440 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 28,152 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 15 โครงการ มีหน่วยในผัง 2,273 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 5,437 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงดังกล่าวมีหน่วยเหลือขาย 3,854 หน่วย หรือร้อยละ 39.7 ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด โดยโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขาย 3,158 หน่วย หรือร้อยละ 42.4 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด โครงการอาคารชุดมีหน่วยเหลือขาย 696 หน่วย หรือร้อยละ 30.6 ของหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายใน จ.ขอนแก่น มี 65 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 7,531 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 27,216 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,921 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 10,767 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 54 โครงการ มีจำนวนหน่วย 5,491 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 22,077 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,379 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 9,298 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 11 โครงการ มี 2,040 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 5,139 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 542 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 1,470 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด 2,921 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 48.4 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารชุดร้อยละ 18.6 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท เป็นบ้านแฝดร้อยละ 17.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 5 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์ร้อยละ 10.7 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท เป็นอาคารพาณิชย์ ร้อยละ 4.5 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นที่ดินเปล่า ตามลำดับ
ทั้งนี้ ทำเลบ้านจัดสรรใน จ.ขอนแก่นที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่ 1) ทำเลท่าพระ ขายได้ร้อยละ 94.2 มูลค่าขายได้ 737 ล้านบาท 2) ทำเล ม.ขอนแก่น ร้อยละ 70.5 มูลค่าที่ขายได้ 3,042 ล้านบาท 3) ทำเลกสิกร-ทุ่งสร้าง ขายได้ร้อยละ 67.1 มูลค่าที่ขายได้ 593 ล้านบาท 4) ทำเลบึงหนองโคตร ขายได้ร้อยละ 65.7 มูลค่าที่ขายได้ 1,201 ล้านบาท และ 5) ทำเลบึงแก่นนคร ขายได้ร้อยละ 64.2 มูลค่าที่ขายได้ 3,060 ล้านบาท
ส่วนทำเลอาคารชุดใน จ.ขอนแก่นที่ขายดี โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ และเรียงลำดับจากสัดส่วนที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่ ทำเลกสิกร-ทุ่งสร้าง ขายได้ร้อยละ 78.2 มูลค่าขายได้ 84 ล้านบาท ทำเล ม.ขอนแก่น ขายได้ร้อยละ 76.4 มูลค่าที่ขายได้ 1,703 ล้านบาท ทำเลบึงแก่นนคร ขายได้ร้อยละ 70.9 มูลค่าที่ขายได้ 1,627 ล้านบาท และทำเลบึงหนองโคตร ขายได้ร้อยละ 59.1 มูลค่าที่ขายได้ 256 ล้านบาท ตามลำดับ
ด้านโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายใน จ.สารคาม มี 23 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 2,182 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 6,373 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 933 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 2,551 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 19 โครงการ 1,949 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 6,074 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 779 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 2,334 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 4 โครงการ มีจำนวนหน่วย 233 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 299 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 154 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 217 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด 933 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 40.0 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 38.2 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เป็นอาคารชุด ร้อยละ 16.5 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1 – 1.5 ล้านบาท เป็นอาคารพาณิชย์ ร้อยละ 3.6 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 5 – 7.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นที่ดินเปล่าตามลำดับ
ทำเลบ้านจัดสรรใน จ.มหาสารคามที่ขายดี โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ และเรียงลำดับจากสัดส่วนที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่ ทำเลเมืองมหาสารคาม ขายได้ร้อยละ 65.5 มูลค่าขายได้ 2,865 ล้านบาท และทำเลกันทรวิชัย ขายได้ร้อยละ 51.5 มูลค่าที่ขายได้ 876 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนทำเลอาคารชุดได้แก่ ทำเลเมืองมหาสารคาม ขายได้ร้อยละ 39.6 มูลค่าขายได้ 61 ล้านบาท และทำเลกันทรวิชัย ขายได้ร้อยละ 22.8 มูลค่าที่ขายได้ 20 ล้านบาท ตามลำดับ.