อสังหาฯ ปรับแผนรับมือตลาดทรุดตัว
5 บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ เดินหน้าปั๊มยอดขายตามเป้าแผนงานเกือบ 160,000 ล้านบาท พร้อมเดินเครื่องลุยเปิดโครงการคอนโดฯ และแนวราบครึ่งปีหลังเกือบ 140,000 ล้านบาท หวังการเมืองชัดเจน เรียกความเชื่อมั่นกลับคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งเรื่องการเมือง เป็นประเด็นที่ภาคเอกชนและผู้บริโภคให้ความสนใจ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราเติบโตลดลง ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ที่ยุติลงเพียงชั่วคราว มีผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ทำให้นักลงทุนจีนที่จะเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยลดลง ประกอบกับมีเรื่องของมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่บั่นทอนกำลังซื้อของภาคอสังหาฯ อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เรื่องอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยบวกที่ไม่สร้างผลกระทบในขณะนี้
และแม้ว่าตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะชะลอตัว แต่ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงต้องเดินหน้าสร้างยอดขาย เปิดโครงการตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจากการสำรวจพบว่า บริษัทขนาดใหญ่ ยังคงยืนตามที่ประกาศไว้ เฉพาะ 5 บริษัทอสังหาฯ ต้องทำยอดขายให้ได้ 159,209 ล้านบาท ได้แก่ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เป้า 41,800 ล้านบาท บมจ. ศุภาลัย 35,000 ล้านบาท บมจ.อนันดา 36,000 ล้านบาท บมจ.ออริจิ้น 28,000 ล้านบาท และบมจ.เสนา 18,409 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่ายอดขายของแต่ละบริษัท ยังคงเติบโต เนื่องจากได้รับอานิสงส์ของยอดขายในไตรมาสแรก ที่มาสนับสนุนให้ไตรมาส 2 ที่คาดว่าตลาดรวมจะซบเซาปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การเปิดโครงการของผู้ประกอบการในไตรมาส 2 มีปริมาณไม่มากเท่ากับครึ่งหลังของปี 62 ซึ่งแต่ละบริษัท ได้ประกาศชัดเจนจะมีการลงทุนและพัฒนาโครงการพร้อมเปิดการขายโครงการใหม่
จากการรวบรวมเฉพาะครึ่งปีหลัง ใน 5 บริษัท จะมีมูลค่าการเปิดโครงการสูงเกือบ 140,000 ล้านบาท บมจ. เสนา สูงถึง 13 โครงการ (รวมโครงการร่วมทุน) 37,000 ล้านบาท บมจ.เอพี 23 โครงการ มูลค่า 27,265 ล้านบาท บมจ.ศุภาลัย 22 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท บมจ.โนเบิล 18,000 ล้านบาท และบมจ.ออริจิ้น ในแผนไตรมาส 3 จะเปิด 6 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัทเอพีฯ กล่าวว่า เอพีฯ เชื่อว่าดีมานด์ลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ และคาดการณ์อานิสงส์จากรัฐบาลใหม่ในการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง.