ถนนทุกสายมุ่งสู่ประเทศไทย
“สมคิด” ชูชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยองเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่เหนือกว่าเศรษฐกิจพิเศษทั่วไป ย้ำต้องเหมือนมหานครเซี่ยงไฮ้ เพื่อผลักเศรษฐกิจไทยเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ หลังส่งออกทรุดหนัก พร้อมหนุนนักลงทุนไทยลุยต่างประเทศ
“เราต้องเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับประเทศไทย หากต้องการก้าวไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยตั้งเป้าหมายให้พื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออกคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยอง เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เหมือนกับมหานครเซี่ยงไฮ้” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่า
ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่จากเดิมที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ที่มีลักษณะไม่แตกต่างไปจากประเทศที่กำลังพัฒนาเช่น เวียดนามและมาเลเซีย เป็นต้น และเมื่อการส่งออกเกิดภาวะชะลอตัวทั้งโลก ประเทศไทยและประเทศที่กำลังพัฒนาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น เราต้องส่งเสริมให้กองทัพนักธุรกิจไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ ผมมีความเชื่อมั่นว่า ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เพราะนักลงทุนที่เราไปพบปะและสนทนาด้วยต่างก็อยากมาลงทุนในประเทศไทยเช่น ฝรั่งเศส รัสเซีย อิหร่านและดูไบ แต่ตัวเราเองก็ต้องออกไปข้างนอกด้วยคือ ทำให้ดีทั้งข้างนอกและข้างในพร้อมๆ กัน
“เช่น การเดิมทางไปศรีลังการะหว่างวันที่ 8-12 มี.ค.นี้ ผมจัดโปรแกรมเอาไว้อย่างแน่เอียด โดยฝ่ายไทยที่เดินทางไปด้วยเช่น กลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน สินค้าเกษตร กลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ศรีลังกาต้องการมากที่สุด”
ขณะเดียวกันในประเทศเอง รัฐบาลจะเน้นเพิ่มเติมหรือต่อยอดในอุตสาหกรรมที่โดดเด่นของ 3 จังหวัด (ชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยอง) คือ รถยนต์และปิโตรเคมี เพราะเราก็มีแหลมฉบังเป็นท่าเรือใหญ่ที่ใช้ในการขนถ่ายสินค้าเชื่อมโยงกับ CLMV (กัมพูลา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) จึงเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเวลานี้ เหมือนผู้หญิงที่มีหน้าสวยอยู่แล้ว แต่ขาดความเซ็กซี่ รัฐบาลก็ต้องเติมสิ่งต่างๆ ที่นักลงทุนต้องการเข้าไปเพื่อให้ดูดีที่สุด เช่น เรื่องการอำนวยความสะดวก หรือการเพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งเราจะไม่เก็บภาษีนักลงทุนเลยแม้แต่บาท แต่จะเริ่มเก็บภาษีก็ต่อเมื่อมีรายได้แล้ว เป็นต้น
นายสมคิด กล่าวว่า อุตสาหกรรมใหม่ที่เราสนับสนุนคือ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย เพื่อเป็นกลไกขับ เคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ประกอบด้วย 1. อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) 4.การเกษตรและเทคโนโล ยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 9.อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) (10) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) รวมทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
นายสมคิด กล่าวว่า ปัญหาของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้คือ เรื่องของการขาดความเชื่อมั่น ทำให้รัฐบาลต้องพยามยามเติมเต็มเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ดังนั้น การเดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อตามจี้งานทุกๆ เรื่อง และไม่มีวันลืมงานที่สั่งเอาไว้ในแต่ละกระทรวงอย่างแน่นอน.
“สมคิด” ชูชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยองเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่เหนือกว่าเศรษฐกิจพิเศษทั่วไป ย้ำต้องเหมือนมหานครเซี่ยงไฮ้ เพื่อผลักเศรษฐกิจไทยเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ หลังส่งออกทรุดหนัก พร้อมหนุนนักลงทุนไทยลุยต่างประเทศ
“เราต้องเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับประเทศไทย หากต้องการก้าวไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยตั้งเป้าหมายให้พื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออกคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยอง เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เหมือนกับมหานครเซี่ยงไฮ้” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่า
ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่จากเดิมที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ที่มีลักษณะไม่แตกต่างไปจากประเทศที่กำลังพัฒนาเช่น เวียดนามและมาเลเซีย เป็นต้น และเมื่อการส่งออกเกิดภาวะชะลอตัวทั้งโลก ประเทศไทยและประเทศที่กำลังพัฒนาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น เราต้องส่งเสริมให้กองทัพนักธุรกิจไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ ผมมีความเชื่อมั่นว่า ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เพราะนักลงทุนที่เราไปพบปะและสนทนาด้วยต่างก็อยากมาลงทุนในประเทศไทยเช่น ฝรั่งเศส รัสเซีย อิหร่านและดูไบ แต่ตัวเราเองก็ต้องออกไปข้างนอกด้วยคือ ทำให้ดีทั้งข้างนอกและข้างในพร้อมๆ กัน
“เช่น การเดิมทางไปศรีลังการะหว่างวันที่ 8-12 มี.ค.นี้ ผมจัดโปรแกรมเอาไว้อย่างแน่เอียด โดยฝ่ายไทยที่เดินทางไปด้วยเช่น กลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน สินค้าเกษตร กลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ศรีลังกาต้องการมากที่สุด”
ขณะเดียวกันในประเทศเอง รัฐบาลจะเน้นเพิ่มเติมหรือต่อยอดในอุตสาหกรรมที่โดดเด่นของ 3 จังหวัด (ชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยอง) คือ รถยนต์และปิโตรเคมี เพราะเราก็มีแหลมฉบังเป็นท่าเรือใหญ่ที่ใช้ในการขนถ่ายสินค้าเชื่อมโยงกับ CLMV (กัมพูลา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) จึงเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเวลานี้ เหมือนผู้หญิงที่มีหน้าสวยอยู่แล้ว แต่ขาดความเซ็กซี่ รัฐบาลก็ต้องเติมสิ่งต่างๆ ที่นักลงทุนต้องการเข้าไปเพื่อให้ดูดีที่สุด เช่น เรื่องการอำนวยความสะดวก หรือการเพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งเราจะไม่เก็บภาษีนักลงทุนเลยแม้แต่บาท แต่จะเริ่มเก็บภาษีก็ต่อเมื่อมีรายได้แล้ว เป็นต้น
นายสมคิด กล่าวว่า อุตสาหกรรมใหม่ที่เราสนับสนุนคือ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย เพื่อเป็นกลไกขับ เคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ประกอบด้วย 1. อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) 4.การเกษตรและเทคโนโล ยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 9.อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) (10) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) รวมทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
นายสมคิด กล่าวว่า ปัญหาของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้คือ เรื่องของการขาดความเชื่อมั่น ทำให้รัฐบาลต้องพยามยามเติมเต็มเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ดังนั้น การเดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อตามจี้งานทุกๆ เรื่อง และไม่มีวันลืมงานที่สั่งเอาไว้ในแต่ละกระทรวงอย่างแน่นอน.