กสิกรชี้สินเชื่อปี 59 โตตามมาตรการรัฐ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์สินเชื่อในไตรมาสแรกของปี 59 จะเติบโต 4.0-4.2% จากมาตรการของภาครัฐ ในขณะที่ทางด้านเงินฝากยังโตต่ำ
รายงานบทวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แนวโน้มสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศช่วงไตรมาส 1/2559 เชื่อว่ามีโอกาสประคองการเติบโตได้ที่ระดับ 4.0-4.2% ทั้งนี้แม้ว่าช่วงไตรมาส 1 ของทุกปี จะมีปัจจัยด้านฤดูกาลการชำระคืนสินเชื่อของภาคธุรกิจที่กดดันการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ให้ลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่า ด้วยแรงหนุนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ อันได้แก่ 1) แรงหนุนของมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ต่อเนื่องมาจากช่วงปลายปี 2558 จนถึงเดือนเม.ย.2559 ซึ่งช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของครัวเรือน อันเชื่อมโยงมาสู่การเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ 2) การเบิกใช้ซอฟท์โลนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เม็ดเงินส่วนหนึ่งจะทยอยเบิกใช้ในช่วงไตรมาส 1/2559 ซึ่งในที่สุดแล้วคงช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาส 1/2559 ให้สามารถทำได้ที่ระดับ 4.0-4.2% ใกล้เคียงกับสิ้นปี 2558
ส่วนทิศทางเงินฝากในช่วงไตรมาส 1/2559 นี้ เชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงใช้กลยุทธ์การบริหารต้นทุนดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อประคองความสามารถในการทำกำไร ดังนั้นการออกแคมเปญเงินฝากพิเศษ จึงน่าจะมุ่งไปที่การชดเชยแคมเปญเงินฝากประจำเดิมที่ครบกำหนดเพื่อรักษาสภาพคล่องไว้กับธนาคารมากกว่าการชิงส่วนแบ่งตลาดลูกค้าใหม่ อย่างไรก็ดีสีสันที่เพิ่มเติมขึ้นจากไตรมาสก่อนๆ น่าจะอยู่ที่การออกแคมเปญเงินฝากพิเศษเพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลสำคัญทั้งเทศกาลตรุษจีน และวาเลนไทน์ในช่วงต้นเดือนก.พ. ซึ่งเป็นปัจจัยด้านฤดูกาลของทุกปี และคงทำให้ภาพรวมสภาพคล่องในช่วงปิดไตรมาส 1/2559 มีทิศทางที่ใกล้เคียงกับระดับ ณ สิ้นปี 2558
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่อง ของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนธ.ค.2558 (ปรับผลของการรวมธนาคารธนาคารโตเกียวมิตซูบิชิเข้ากับธนาคารกรุงศรีอยุธยา) จากเอกสารรายการย่อแสดงสินทรัพย์ และหนี้สิน (ธ.พ.1.1) ระบุว่า สินเชื่อปรับขึ้นนำโดยธนาคารใหญ่ กระจายในทุกหมวดสินเชื่อ…ขณะที่เงินฝากเพิ่มขึ้นน้อยกว่า
โดยเงินให้สินเชื่อสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10.47 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.61 หมื่นล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3.43%YoY นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และกระจายไปยังทุกหมวดสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย ซึ่งปรับขึ้นด้วยผลของปัจจัยเฉพาะมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อยในเดือนนี้ ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิต (ที่ขยายตัวดีจากแรงซื้อกองทุนรวม RMF/LTF และมาตรการช้อปช่วยชาติ) และสินเชื่อเช่าซื้อ (จากการเร่งซื้อรถก่อนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต) ขณะที่สินเชื่อในกลุ่มธนาคารขนาดกลาง และเล็ก ยังให้ภาพที่ปะปน แม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อที่เคยเป็นตัวฉุดระบบ จะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม
เงินฝากปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่หดตัวเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้า โดยแตะระดับ 11.20 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.75 หมื่นล้านบาทจากเดือนก่อน คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับ 1.46%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เดือน ธ.ค.2558 ตึงขึ้นเล็กน้อยตามความต้องการเบิกใช้สินเชื่อที่เร่งขึ้น โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออก และเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) ขยับขึ้นมาที่ระดับ 90.81% จากระดับ 90.49% ณ สิ้นเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับเครื่องชี้สภาพคล่องอีกตัวหนึ่ง ได้แก่ สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวม ซึ่งปรับลดลงมาที่ระดับ 20.10% จากระดับ 20.48% ในเดือนก่อนหน้า
ส่วนภาพรวมปี 2558 เงินให้สินเชื่อสุทธิของ 14 ธนาคารพาณิชย์ไทย เพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาทจากปี 2557 หรือเติบโต 3.43% นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยมีสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยเป็นตัวนำการเติบโต
ส่วนเงินฝากปี 2558 ธนาคารพาณิชย์ใช้กลยุทธ์บริหารต้นทุนดอกเบี้ยเพื่อประคองส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในจังหวะที่สินเชื่อเติบโตชะลอลง ทำให้เติบโตเพียง 1.61 แสนล้านบาทจากปี 2557 นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดกลาง ขณะที่เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กปรับลดลง
ทั้งนี้สินเชื่อที่เติบโตสูงกว่าเงินฝากในปี 2558 ทำให้เครื่องชี้สภาพคล่องตึงตัวขึ้นจากปี 2557 โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออก และเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) เพิ่มขึ้นจากระดับ 88.68% ณ สิ้นปี 2557 มาที่ระดับ 90.81% ในสิ้นปี 2558 และสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมปรับลดลงจากระดับ 22.32% ในปีก่อนหน้า สู่ระดับที่ระดับ 20.10% ในปี 2558