ดัชนีผู้บริโภคเดือนธ.ค.สูงสุดรอบ 7 เดือน
หอการค้าเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.อยู่ที่ 76.1 สูงสุดในรอบ 7 เดือน และปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 3 มาตรการช็อปช่วยชาติเม็ดเงินสะพัด 1.78 หมื่นล้านบาท ระบุมาตรการช็อปปิ้งเพื่อชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจnและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงปีใหม่ และประเมินสถานการณ์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช็อปปิ้งลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท จากกลุ่มตัวอย่าง 208 ตัวอย่าง พบว่า มีผู้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี 1.86 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ที่เสียภาษีทั้งหมด 3.25 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัด 1.75 หมื่นล้านบาท เป็นเม็ดเงินที่คนวางแผนใช้จ่ายปกติ และไม่ซื้อเพิ่ม แต่ได้อานิสงส์จากมาตรการ 6,957 ล้านบาท และเป็นเม็ดเงินที่มีการซื้อเพิ่มเติมจากมาตรการถึง 1.09 หมื่นล้านบาท ขณะที่รัฐเสียรายได้ไป 3,188.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธ.ค.2558 อยู่ที่ 76.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่อยู่ 74.6 เป็นค่าดัชนีที่สูงสุดในรอบ 7 เดือน และเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เพราะผู้บริโภครู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้รู้สึกว่ามีเงินในกระเป๋ามากขึ่น โดยราคาน้ำมันที่ลดลงทุกๆ 1 บาทต่อลิตร จะช่วยชาติประหยัดได้ประมาณ 2.5-3 หมื่นล้านต่อปี หรือช่วยกระตุกเศรษฐกิจได้ 0.1-0.2%
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก การส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยภาคเอกชนมองว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 2% จากเป้ารัฐบาลตั้งไว้ 5% และราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ รวมทั้งปัญหาภัยแล้ง ซึ่งประเมินว่าปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ่นจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง 5-7 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงประมาณ 1 แสนล้านบาท ดึงจีดีพีลง 0.3-0.5%
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส1-2 ของปีนี้ น่าจะโตที่ 3-3.5% ได้อยู่ส่วนไตรมาส 3 ที่จะมีการลงทุนโครงการต่างๆ จากภาครัฐเข้ามา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว การส่งออกของไทยเริ่มดีขึ้น ก็น่าจะทำให้ช่วงไตรมาส 3-4 เศรษฐกิจไทยโตที่ 3.5-4% ได้ และเมื่อมองภาพรวมทั้งปีนี้ก็น่าจะโตอยู่ในกรอบ 3-3.5% ได้อยู่ แต่หากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นทั่วโลกขยายวงกว้าง อาจทำให้เศรษฐกิจโลกโตช้าลง และส่งผลให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าที่คาดไว้ 3-3.5% ได้
อย่างไรก็ดีปัจจัยลบที่หอการค้าไทยกังวลมากที่สุดคือ เรื่องความวุ่นวาย การก่อการร้าย และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะจะเห็นว่ามีการขายสินค้าต่ำกว่าทุน (ดัมพ์ราคา) ออกมามาก ทำให้กังวลว่าไม่รู้ภายในของจีนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งหากปล่อยไว้เกรงว่าอาจจะมีผลต่อภาคธนาคารได้