เต็มเหนี่ยวบุกปทุม! สั่งปิดโรงงานยาง หลังพบลักลอบผลิต–ขนกากอุตฯ ฝ่าฝืนคำสั่งซ้ำซาก
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการชุดปฏิบัติการ “เต็มเหนี่ยว” กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เพื่อติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งฯ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย นายสราวุธ พรทิพย์ อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี นายประสม ดำรงพงษ์ ผู้อำนวยการกองวิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงาน เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี (สอจ.ปทุมธานี) และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) พร้อมด้วย ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบลคูบางหลวง (อบต.คูบางหลวง) ตรวจสอบ บริษัท หย่งเฉียง รับเบอร์ จำกัด ประกอบกิจการผลิตยางขอบกระจก แต่ลักลอบประกอบกิจการทำยางแผ่นจากยางรถยนต์เก่าใช้แล้ว

“รัฐมนตรีฯ ธนกร ได้เน้นย้ำให้ชุดเต็มเหนี่ยวติดตามโรงงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโดนคำสั่งฯ ปรับปรุงแก้ไขทั้งหมด โดยเฉพาะธุรกิจรีไซเคิลในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตจังหวัดปริมณฑล ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะพบการมีการปิดและขอเปิดโรงงาน อาจเป็นภาระหน่วยงานภาครัฐ และผู้ให้เช่าที่ดิน ในการกำจัดบำบัดกากอุตสาหกรรม และมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ซึ่งจะกระทบต่อชุมชนโดยรอบได้ นอกจากกระทรวงฯ จะตรวจสอบอย่างเข้มข้นแล้ว ยังต้องกวดขันที่ต้นทาง ตั้งแต่ก่อนอนุญาตประกอบกิจการโรงงานด้วย” นางสาวพลอยลภัสร์ กล่าว


จากการตรวจสอบในครั้งนี้พบว่า โรงงานดังกล่าวมีความผิดหลายกระทง ตั้งแต่ 1) ประกอบกิจการโรงงานทำยางแผ่นจากยางรถยนต์เก่าใช้แล้วโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2) ฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งให้ปรับปรุงแก้ไข 6 ข้อตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 แต่โรงงานยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ จึงมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 5,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน และ 3) นำสิ่งปฏิกูลฯ คือเศษยางรถยนต์ออกนอกบริเวณโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท ดังนั้น สอจ.ปทุมธานี จึงออกคำสั่งฯ 39 วรรค 1 ตาม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 ให้หยุดประกอบกิจการหรือปิดโรงงานทั้งหมดโดยทันที ทั้งนี้ หากโรงงานมีการฝ่าฝืนคำสั่งฯ ครั้งนี้อีก จะมีโทษจำคุกและหรือปรับเป็นรายวันจนกว่าจะหยุดดำเนินการ นอกจากนี้ สถาปนิก วิศวกร หรือคนงาน ที่ยังคงทำงานอยู่ก็จะมีความผิดด้วย


ทั้งนี้ ขณะตรวจสอบพบโรงงานได้มีการนำกากอุตสาหกรรมคือเศษยางรถยนต์ออกนอกบริเวณโรงงาน โดยไม่พบการขออนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โรงงานไม่ได้ติดตั้งเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการผลิตยางขอบกระจกตามที่ขออนุญาต และไม่ได้จัดทำระบบหรือมาตรการป้องกันอัคคีภัยภายในโรงงาน รวมทั้งไม่มีมาตรการควบคุมและป้องกันกลิ่นเหม็น และไม่รายงานข้อมูลผ่านระบบ i-single form การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนคำสั่งฯ ของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ได้ขอใบแจ้งค่าไฟฟ้าย้อนหลังเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน 2568 ว่าที่ผ่านมามีการลักลอบประกอบกิจการหรือไม่ โดย สอจ.ปทุมธานี ได้นำข้อเท็จจริงในการตรวจสอบดังกล่าวไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรคูบางหลวง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีอาญาต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “เอกนัฏ“ ส่ง “ทีมสุดซอย” ปิดกิจการ-ดำเนินคดี รง.กลั่นน้ำมันสุดชุ่ย ปล่อยน้ำเสีย-ทิ้งกากอุตฯเกลื่อน



