สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 ต.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ลำปาง (53 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุบลราชธานี (30 มม.) ภาคกลาง : จ.สระบุรี (58 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ชลบุรี (76 มม.) ภาคตะวันตก : จ.จ.กาญจนบุรี (62 มม.) ภาคใต้ : จ.ยะลา (59 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อน
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 4 – 5 ต.ค. 68 ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อน ส่วนในช่วงวันที่ 6 – 8 ต.ค. 68 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
2. ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศ : ปริมาตรน้ำ 66,585 ล้าน ลบ.ม. (83%) น้ำใช้การ 42,464 ล้าน ลบ.ม. (73%) ปริมาณน้ำปัจจุบัน มากกว่าปี 2567 จำนวน 6,356 ล้าน ลบ.ม.
3.สถานการณ์น้ำ :
• สถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 3 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.
– สถานี C.2 อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,770 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 1.25 ม.
– เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำในอัตรา 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาทีมีระดับน้ำเหนือเขื่อน +16.36 ม.รทก และระดับน้ำท้ายเขื่อน +15.70 ม.รทก
• สถานการณ์แม่น้ำมูล วันที่ 3 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.
– สถานี M.7 อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,007 ลบ.ม. ต่อวินาที สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.30 ม. แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งชั่วคราว 0.30 ม.
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (2 ต.ค. 68) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในระยะนี้ประเทศไทยจะยังคงมีฝนตกเป็นระยะในบางแห่ง แต่ปริมาณฝนจะลดลงจากห้วงที่ผ่านมา จึงใช้ช่วงเวลานี้ในการพร่องน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์ เนื่องจากปริมาณน้ำมีแนวโน้มใกล้เต็มความจุและเพื่อรักษาความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน ป้องกันความเสี่ยงน้ำล้นที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำเพิ่มเติม รวมถึงกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ว่า อิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำจะส่งผลให้ฝนกลับมาตกเพิ่มขึ้นอีกครั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ แม้ปริมาณฝนมีแนวโน้มอยู่ในระดับประมาณ 60-100 มม. ซึ่งน้อยกว่าฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่จะต้องเตรียมพร้อมมีช่องว่างในเขื่อนให้เพียงพอสำหรับรองรับน้ำโดยไม่ประมาท หากมีฝนตกมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์แบบขั้นบันได จาก 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพิ่มจนถึง 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ขณะเดียวกันเขื่อนภูมิพลที่แม้จะมีปริมาณน้ำมาก แต่ยังสามารถรับปริมาณน้ำได้อีกประมาณ 2,000 ล้าน ลบ.ม. จึงให้ปรับลดการระบายน้ำจาก 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน โดยต้องควบคุมการระบายน้ำของเขื่อนทั้งสองแห่งให้อยู่ในอัตรารวมกันไม่เกิน 30 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบต่อด้านท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพเพื่อคงการระบายน้ำให้อยู่ในอัตราดังกล่าว พร้อมทั้งควบคุมระดับน้ำหน้าเขื่อนให้ไม่เกิน +17.00 ม.รทก. ในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้ลำน้ำพอง จ.ขอนแก่น มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็วต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 2 ต.ค. 68